คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1621/2536

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยยืนยันว่าได้จัดการนำส่งหมายนัดสำเนาอุทธรณ์ให้โจทก์ภายในกำหนดเวลาแล้ว โดยมีหลักฐานการรับเงินค่าส่งหมายมาแสดงซึ่งหากข้อเท็จจริงฟังได้ดังที่จำเลยฎีกา กรณีไม่อาจถือได้ว่าจำเลยทิ้งฟ้องอุทธรณ์และศาลอุทธรณ์ก็อาจไม่สั่งจำหน่ายคดี เมื่อจำเลยฎีกาอ้างข้อเท็จจริงโต้แย้งกับข้อเท็จจริงที่ปรากฏในสำนวนชอบที่ศาลจะทำการไต่สวนเพื่อให้ได้ความจริงแน่ชัดเสียก่อน ถ้าเห็นว่าจำเลยไม่ได้เพิกเฉยที่จะปฏิบัติตามคำสั่งศาล คำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์อาจเปลี่ยนแปลงไป

ย่อยาว

กรณีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์จำเลยเด็ดขาด จำเลยอุทธรณ์ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งรับอุทธรณ์ ให้จำเลยนำส่งสำเนาอุทธรณ์ให้โจทก์ภายใน 15 วัน มิฉะนั้นถือว่าทิ้งอุทธรณ์และต่อมาได้มีหมายแจ้งคำสั่งให้จำเลยมานำส่งหมายนัดสำเนาอุทธรณ์ให้แก่โจทก์ภายใน 7 วัน นับแต่วันทราบคำสั่ง เจ้าหน้าที่ศาลรายงานเมื่อวันที่ 2 สิงหาคม 2534 ว่า จำเลยไม่นำส่งสำเนาอุทธรณ์ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ส่งศาลอุทธรณ์พิจารณา
ศาลอุทธรณ์พิจารณาแล้ววินิจฉัยว่า ทนายจำเลยทราบคำสั่งแล้วตั้งแต่วันที่ 7 มิถุนายน 2534 แต่มิได้นำส่งสำเนาอุทธรณ์ให้แก่โจทก์ภายในกำหนดตามคำสั่งของศาลชั้นต้น และมีคำสั่งให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบความ
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า จำเลยยืนยันว่าได้จัดการนำส่งหมายนัดสำเนาอุทธรณ์ให้โจทก์ภายในกำหนดเวลาแล้ว โดยมีหลักฐานการรับเงินค่าส่งหมายมาแสดง ซึ่งหากข้อเท็จจริงฟังได้ดังที่จำเลยฎีกา กรณีก็ไม่อาจถือได้ว่าจำเลยทิ้งฟ้องอุทธรณ์และศาลอุทธรณ์ก็อาจไม่สั่งจำหน่ายคดี เมื่อจำเลยฎีกาอ้างข้อเท็จจริงโต้แย้งกับข้อเท็จจริงที่ปรากฏในสำนวนชอบที่ศาลจะทำการไต่สวนเพื่อให้ได้ความจริงแน่ชัดเสียก่อน ถ้าเห็นว่าจำเลยไม่ได้เพิกเฉยที่จะปฏิบัติตามคำสั่งศาล คำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์อาจเปลี่ยนแปลงไป
พิพากษายกคำสั่งศาลอุทธรณ์ ให้ศาลชั้นต้นดำเนินการไต่สวนข้อเท็จจริงตามฎีกาของจำเลยแล้วส่งศาลอุทธรณ์เพื่อสั่งต่อไปตามรูปคดี

Share