คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 438/2544

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 229 ซึ่งบัญญัติให้ผู้อุทธรณ์ต้องนำเงินค่าธรรมเนียมมาวางศาลพร้อมกับอุทธรณ์นั้นมิได้บังคับเฉพาะกรณีอุทธรณ์คำพิพากษาของศาลชั้นต้นเท่านั้น จำเลยยื่นอุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นที่งดสืบพยานจำเลย เนื่องจากจำเลยทราบนัดโดยชอบแล้วไม่มาศาลโดยไม่แจ้งเหตุขัดข้อง เป็นการขอให้ศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษายกคำสั่งระหว่างพิจารณาของศาลชั้นต้นจำเลยต้องนำเงินค่าธรรมเนียมซึ่งจะต้องใช้แก่โจทก์มาวางศาลพร้อมอุทธรณ์ เมื่อจำเลยไม่ปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายข้างต้นจึงเป็นอุทธรณ์ที่ไม่ชอบ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ศาลบังคับจำเลยทั้งสามร่วมกันชำระเงินจำนวน3,021,206.76 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 18 ต่อปี ของต้นเงิน2,472,893.13 บาท นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ หากไม่ชำระให้ยึดทรัพย์จำนองออกขายทอดตลาดเอาเงินชำระหนี้โจทก์ หากไม่พอชำระให้บังคับเอากับทรัพย์สินอื่นของจำเลยทั้งสามจนกว่าชำระหนี้ให้โจทก์ครบถ้วน

จำเลยที่ 1 ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา

จำเลยที่ 2 ที่ 3 ให้การทำนองเดียวกัน ขอให้ยกฟ้อง

เมื่อสืบพยานโจทก์เสร็จ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า จำเลยที่ 2 และที่ 3 ทราบนัดโดยชอบแล้วไม่มาศาลโดยไม่แจ้งเหตุขัดข้อง ประกอบจำเลยที่ 2และที่ 3 ได้แถลงรับข้อเท็จจริงบางประการไว้แล้ว จึงถือว่าจำเลยที่ 2 และที่ 3 ไม่ติดใจถามค้าน และเห็นว่าคดีพอวินิจฉัยได้ให้งดสืบพยานจำเลยที่ 2และที่ 3

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสามร่วมกันชำระเงินจำนวน3,021,206.76 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 18 ต่อปี ในต้นเงินจำนวน2,472,893.13 บาท นับถัดจากวันฟ้องไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์หากไม่ชำระให้ยึดที่ดินโฉนดเลขที่ 60861 ตำบลลาดยาว (บางซื้อฝั่งใต้)อำเภอบางเขน (บางซื่อ) จังหวัดพระนครและที่ดินโฉนดเลขที่ 12456,18804 และ 18805 ตำบลสุรศักดิ์ อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี พร้อมสิ่งปลูกสร้างออกขายทอดตลาด นำเงินมาชำระหนี้โจทก์ หากไม่พอให้บังคับคดีเอากับทรัพย์สินอื่นของจำเลยทั้งสามจนกว่าจะชำระหนี้โจทก์ครบถ้วน

จำเลยที่ 2 และที่ 3 อุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นที่ให้งดสืบพยานจำเลยที่ 2 และที่ 3

ศาลอุทธรณ์พิพากษายกอุทธรณ์ของจำเลยที่ 2 และที่ 3 คืนค่าธรรมเนียมศาลชั้นอุทธรณ์ทั้งหมดให้แก่จำเลยที่ 2 และที่ 3

จำเลยที่ 2 ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงในเบื้องต้นรับฟังเป็นยุติว่าในวันสืบพยานโจทก์ จำเลยที่ 2 ที่ 3 ไม่มาศาล ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าจำเลยที่ 2 และที่ 3 ทราบนัดโดยชอบแล้วไม่มาศาลโดยไม่แจ้งเหตุขัดข้องจึงถือว่าจำเลยที่ 2 และที่ 3 ไม่ติดใจถามค้าน และงดสืบพยานจำเลยจำเลยที่ 2 และที่ 3 ยื่นอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าว โดยมิได้นำเงินค่าธรรมเนียมซึ่งจะต้องใช้แก่คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งตามคำพิพากษามาวางศาลพร้อมอุทธรณ์คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยที่ 2 ว่า การยื่นอุทธรณ์คำสั่งระหว่างพิจารณา จำเลยที่ 2 จะต้องนำเงินค่าธรรมเนียมดังกล่าวมาวางศาลพร้อมอุทธรณ์หรือไม่ ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 229บัญญัติว่า การอุทธรณ์นั้นให้ทำเป็นหนังสือยื่นต่อศาลชั้นต้นซึ่งมีคำพิพากษาหรือคำสั่งภายในกำหนดหนึ่งเดือนนับแต่วันอ่านคำพิพากษาหรือคำสั่งนั้นและผู้อุทธรณ์ต้องนำเงินค่าธรรมเนียมซึ่งจะต้องใช้แก่คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งตามคำพิพากษาหรือคำสั่งมาวางศาลพร้อมกับอุทธรณ์นั้นด้วย เห็นว่าบทบัญญัติดังกล่าวมิได้บังคับเฉพาะกรณีอุทธรณ์คำพิพากษาของศาลชั้นต้นเท่านั้น ทั้งอุทธรณ์ของจำเลยที่ 2 และที่ 3 ก็ขอให้ศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษายกคำสั่งระหว่างพิจารณาของศาลชั้นต้น จำเลยที่ 2 และที่ 3 จึงต้องนำเงินค่าธรรมเนียมซึ่งจะต้องใช้แก่โจทก์มาวางศาลพร้อมอุทธรณ์ เมื่อจำเลยที่ 2และที่ 3 ไม่ปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายดังกล่าวมาข้างต้น จึงเป็นอุทธรณ์ที่ไม่ชอบ ที่ศาลอุทธรณ์ไม่รับวินิจฉัยอุทธรณ์ของจำเลยที่ 2 และที่ 3นั้น ชอบแล้ว ฎีกาของจำเลยที่ 2 ฟังไม่ขึ้น”

พิพากษายืน

Share