แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
การที่ผู้ร้องเข้าไปขุดหน้าดินขายในปี 2516-2517 และดูดทรายขายในปี 2526 เพียง 2 ครั้ง โดยไม่ติดต่อกัน ถือว่าเป็นการเข้าไปทำประโยชน์ในที่ดินเป็นครั้งคราว ยังไม่ได้แสดงโดยแจ้งชัดว่าเป็นการใช้สิทธิยึดถือครอบครองเหนือที่ดินพิพาทด้วยเจตนาเป็นเจ้าของผู้ร้องไม่ได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาท
ย่อยาว
ผู้ร้องยื่นคำร้องขอและขอแก้ไขคำร้องขอว่า ที่ดินตามโฉนดเลขที่2391 ตำบลดอนพุทรา อำเภอดอนตูม (บางปลา)จังหวัดนครปฐม เนื้อที่ 6 ไร่ 2 งาน 40 ตารางวา มีชื่อจีนกากับอำแดงเคลื่อนเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ ต่อมาจีนกากับอำแดงเคลื่อนถึงแก่ความตาย นายเล็ก วงษ์น้อย นางแต้ม ทัศจำนงค์ (วงษ์น้อย)นายถัด แสนชัย และนางริ้ว นาวิกชีวิน ซึ่งเป็นทายาทได้ครอบครองที่ดินดังกล่าวเป็นส่วนสัดเท่า ๆ กัน คนละประมาณ 1 ไร่ 3 งาน 60ตารางวา เมื่อประมาณ ปี 2512 นางแต้มขายที่ดินส่วนที่ครอบครองให้แก่ผู้ร้องในราคา 2,000 บาท โดยไม่ได้จดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์กันตามกฎหมาย แต่ได้มอบที่ดินให้ผู้ร้องครอบครองซึ่งผู้ร้องก็ครอบครองต่อมาโดยความสงบ เปิดเผย และด้วยเจตนาเป็นเจ้าของจนปัจจุบันเป็นเวลา 19 ปี แล้ว ไม่มีผู้ใดโต้แย้งคัดค้าน ที่ดินส่วนที่ผู้ร้องครอบครองจึงตกเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ร้อง ขอให้มีคำสั่งว่าที่ดินเฉพาะส่วนเนื้อที่ประมาณ 1 ไร่ 3 งาน 60 ตารางวา ของโฉนดเลขที่ 2391 ดังกล่าว เป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ร้อง
ผู้คัดค้านยื่นคำคัดค้านว่า ผู้คัดค้านเป็นหลานของนางแต้มส่วนผู้ร้องเป็นบุตรของนางริ้ว และอาศัยอยู่ในที่ดินส่วนของนางริ้ว ที่ผู้ร้องอ้างว่านางแต้มขายที่ดินส่วนของนางแต้มให้แก่ผู้ร้องตั้งแต่ปี 2512 นั้น ไม่เป็นความจริงนางแต้มปลูกบ้านอาศัยอยู่ในที่ดินดังกล่าวมากับสามีจนกระทั่งมีบุตรด้วยกัน 2 คนภายหลังเมื่อบุตร 2 คน แต่งงานแยกครอบครัวออกไปแล้ว นางแต้มกับสามีก็ยังอยู่ในที่ดินต่อมาจนกระทั่งสามีถึงแก่ความตาย ส่วนนางแต้มก็ยังอยู่ในที่ดินตลอดมา จึงขอให้ยกคำร้อง
ศาลชั้นต้น มีคำสั่งให้ยกคำร้องขอของผู้ร้อง
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับว่า ที่ดินพิพาทเนื้อที่ประมาณ 1 ไร่ 3งาน 60 ตารางวา ตามแผนที่พิพาทเอกสารหมาย จ.2 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของที่ดินโฉนดเลขที่ 2391 ตำบลดอนพุทรา อำเภอดอนตูม(บางปลา) จังหวัดนครปฐม เป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ร้องโดยการครอบครองปรปักษ์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382 แล้ว
ผู้คัดค้านฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงฟังยุติได้ตามที่ผู้ร้องและผู้คัดค้านนำสืบรับกันว่า ที่ดินพิพาทเป็นส่วนหนึ่งของที่ดินโฉนดเลขที่ 2391 ตำบลดอนพุทรา อำเภอดอนตูม (บางปลา)จังหวัดนครปฐม มีชื่อจีนกากับอำแดงเคลื่อนเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์เมื่อบุคคลทั้งสองถึงแก่ความตาย นายเล็ก นางแต้ม นางริ้วและนายถัดซึ่งเป็นทายาทเข้าครอบครองกันเป็นส่วนสัด เนื้อที่คนละ 1 ไร่ 3 งาน 60 ตารางวา ปรากฏตามแผนที่สังเขปเอกสารหมาย ล.3 ที่ดินพิพาทคือที่ดินส่วนที่ตกได้แก่นางแต้ม ปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยตามฎีกาของผู้คัดค้านว่าผู้ร้องได้ครอบครองที่ดินพิพาทโดยความสงบและโดยเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของจนได้กรรมสิทธิ์แล้วหรือไม่… ศาลฎีกาเชื่อว่า นางแต้มไม่เคยขายที่ดินพิพาทให้ผู้ร้อง เกี่ยวกับการครอบครองที่ดินพิพาทนั้น ผู้ร้องเบิกความว่า ได้เข้าไปครอบครองโดยปลูกมะเขือเทศ อ้อย มะพร้าวแต่ก็ไม่ได้ผล จึงขุดหน้าดินขาย ในปี 2516-2517 และได้ดูดทรายขายในปี 2526 เห็นว่า การเข้าไปปลูกต้นไม้ ไม่ได้ความแน่ชัดว่าเป็นเวลานานเท่าใด การตักดินขายก็ดี การดูดทรายขายก็ดี เป็นการเข้าไปเพียง 2 ครั้งเท่านั้น หลังจากขุดหน้าดินและดูดทรายแล้วผู้ร้องจะเข้าไปครอบครองทำประโยชน์ในที่ดินพิพาทอย่างไรไม่ปรากฏทั้งนี้เพราะเมื่อมีการขุดหน้าดินและดูดทรายแล้วคงไม่เหมาะสมที่จะทำการเพาะปลูกอีกต่อไปซึ่งนางแคและนางสุขพยานผู้คัดค้านเบิกความว่า นอกจากดูดทรายแล้วไม่เคยเห็นผู้ร้องทำประโยชน์ในที่ดินพิพาท คงทิ้งไว้เฉย ๆ จึงเชื่อได้ว่า ผู้ร้องไม่ได้ทำประโยชน์ในที่ดินพิพาทจริงและตามทางนำสืบของผู้ร้องก็ได้ความว่า ขุดหน้าดินขายในปี 2516-2517 และดูดทรายขายในปี 2526 เพียง 2 ครั้ง เท่านั้นไม่ได้กระทำสืบเนื่องติดต่อกัน ทั้งการกระทำดังกล่าวเป็นการเข้าไปทำประโยชน์ในที่ดินพิพาทเป็นครั้งคราว ยังไม่ได้แสดงได้โดยแจ้งชัดว่าเป็นการใช้สิทธิยึดถือครอบครองเหนือที่ดินพิพาทด้วยเจตนาเป็นเจ้าของ ผู้ร้องไม่ได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาท ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามา ศาลฎีกาไม่เห็นชอบด้วย ฎีกาของผู้คัดค้านฟังขึ้น”
พิพากษากลับ ให้ยกคำร้องขอของผู้ร้อง