คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3998/2540

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

โจทก์เคยฟ้องจำเลยมาครั้งหนึ่งแล้ว โจทก์ขอถอนฟ้อง ศาลชั้นต้นอนุญาต แม้คำร้องจะระบุว่าโจทก์จำเลยตกลงกันได้ โจทก์ไม่มีความประสงค์จะดำเนินคดีแก่จำเลยอีกต่อไป ก็มีความหมายว่าไม่ประสงค์จะดำเนินคดีแก่จำเลยสำหรับคดีนั้นเท่านั้นไม่อาจแปลไปว่าโจทก์จะไม่ฟ้องคดีใหม่แก่จำเลยอีก ดังนั้น การถอนฟ้องในคดีก่อนไม่ทำให้อำนาจฟ้องของโจทก์หมดไป โจทก์จึงฟ้องใหม่ได้ภายในอายุความ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 176

คดีก่อนศาลจำหน่ายคดีเพราะโจทก์ถอนฟ้อง ยังมิได้มีคำพิพากษาชี้ขาดในประเด็นแห่งคดี เมื่อโจทก์มาฟ้องใหม่จึงไม่เป็นฟ้องซ้ำ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 148

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้ว่าจ้างโจทก์ให้ถมดินรวมเป็นเงิน 244,434 บาท แล้วจำเลยไม่ชำระเงินดังกล่าว ขอให้บังคับจำเลยชำระเงิน 276,393 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงิน 244,434 บาท นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์

จำเลยให้การว่า โจทก์เคยฟ้องจำเลยในมูลความคดีเดียวกันมาแล้วที่ศาลชั้นต้นเป็นคดีหมายเลขแดงที่ 6540/2534 โดยโจทก์ได้ขอถอนฟ้อง และศาลชั้นต้นได้อนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องที่โจทก์นำคดีมาฟ้องจำเลยในมูลความคดีเดียวกับคดีก่อนอีก จึงเป็นการฟ้องซ้ำ ขอให้ยกฟ้อง

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวน 244,434 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่ 7 กันยายน 2533 จนกว่าจำเลยจะชำระเสร็จแก่โจทก์เฉพาะดอกเบี้ยถึงวันฟ้องให้ไม่เกิน 31,959 บาท ตามคำขอของโจทก์

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยข้อแรกว่า ฟ้องโจทก์เป็นฟ้องซ้ำกับคดีหมายเลขแดงที่ 6540/234 ของศาลชั้นต้น โดยอ้างว่าได้มีการทำสัญญาประนีประนอมยอมความกับจำเลยแล้ว และในคำร้องขอถอนฟ้องโจทก์ก็ได้ระบุไว้ในคำร้องอย่างชัดแจ้งแล้วว่าโจทก์ไม่ประสงค์จะดำเนินคดีแก่จำเลยอีกต่อไปการที่โจทก์นำมูลหนี้อันเป็นมูลหนี้ที่โจทก์ได้รับชำระไปแล้วกลับมาฟ้องใหม่ จึงเป็นฟ้องซ้ำนั้น ปัญหานี้ปรากฏว่าโจทก์เคยฟ้องจำเลยให้ชำระหนี้ค่าผิดสัญญาว่าจ้างขนส่งดินและเรียกค่าเสียหายซึ่งเป็นมูลหนี้อย่างเดียวกันนี้มาครั้งหนึ่งแล้ว ตามคดีหมายเลขแดงที่ 6540/2534 ของศาลชั้นต้น และจำเลยให้การแก้คดีไว้แล้ว ในวันนัดสืบพยานโจทก์ในคดีก่อนโจทก์ยื่นคำร้องว่า โจทก์จำเลยตกลงกันได้ โจทก์ไม่มีความประสงค์จะดำเนินคดีแก่จำเลยต่อไป ขอถอนฟ้องคดีเสีย จำเลยได้รับสำเนาคำร้องแล้วแถลงไม่คัดค้านศาลชั้นต้นจึงอนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องตามรายงานกระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้นลงวันที่ 26 เมษายน 2534 ศาลฎีกาเห็นว่า แม้ในคดีก่อนโจทก์ยื่นคำร้องว่าโจทก์จำเลยตกลงกันได้ โจทก์ไม่มีความประสงค์จะดำเนินคดีแก่จำเลยอีกต่อไป ก็มีความหมายว่าไม่ประสงค์จะดำเนินคดีแก่จำเลยสำหรับคดีนั้นเท่านั้น หาอาจแปลไปว่าโจทก์จะไม่ฟ้องคดีใหม่แก่จำเลยอีก ดังนั้น การถอนฟ้องในคดีก่อนไม่ทำให้อำนาจฟ้องของโจทก์หมดไป โจทก์จึงฟ้องคดีนี้ใหม่ได้ภายในอายุความตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 176 และคดีก่อนศาลจำหน่ายคดีเพราะโจทก์ถอนฟ้องยังมิได้มีคำพิพากษาชี้ขาดในประเด็นแห่งคดี เมื่อโจทก์มาฟ้องใหม่เป็นคดีนี้ จึงไม่เป็นฟ้องซ้ำ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 148 ฎีกาของจำเลยข้อนี้ฟังไม่ขึ้น”

พิพากษายืน

Share