คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1329/2536

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่โจทก์บรรยายฟ้องถึงการกระทำของจำเลยกับพวกที่ร่วมกันทำร้ายผู้ตาย จนได้รับบาดเจ็บและเป็นเหตุให้ผู้ตายถึงแก่ความตายสมดังเจตนาของจำเลยกับพวก และท้ายฟ้องโจทก์อ้างประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 ดังนี้เป็นฟ้องที่ชอบด้วยกฎหมายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5) และถือได้ว่าเป็นคำฟ้องที่โจทก์ประสงค์ให้ลงโทษจำเลยฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 แล้ว การกล่าวว่าผู้ตายตายสมดังเจตนาของจำเลยย่อมแปลได้ว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้ตายนั่นเองหาจำต้องกล่าวซ้ำในฟ้องอีกว่าจำเลยกระทำไปโดยมีเจตนาฆ่าผู้ตายอีกไม่ แม้ตามฟ้องของโจทก์ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288 แต่ถ้าศาลเห็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 290 ศาลมีอำนาจลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 290ซึ่งเป็นฐานความผิดที่ถูกต้องได้ กรณีเป็นเรื่องข้อเท็จจริงตามฟ้องนั้นโจทก์สืบสม แต่โจทก์อ้างฐานความผิดหรือบทมาตราผิดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรคห้า

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกับพวกร่วมกันทำร้าย ต่อย เตะ ผู้ตายล้มลงแล้วใช้เท้ากระทืบผู้ตายจนได้รับบาดเจ็บ ม้ามแตก ลำไส้เล็กฉีกขาดกะบังลมช้ำ มีโลหิตตกในช่องท้อง ผู้ตายถึงแก่ความตายเพราะพิษบาดแผลสมดังเจตนาของจำเลยกับพวก และร่วมกันใช้อาวุธมีดและเหล็กตี ฟัน ทำร้ายร่างกายนายประเสริฐ สุขคำ โดยเจตนาฆ่า แต่นายประเสริฐไม่ถึงแก่ความตายสมเจตนาจำเลยกับพวก ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 80, 83, 91, 288, 371
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 ให้จำคุก 15 ปี ส่วนข้อหาอื่นให้ยกฟ้อง
โจทก์ จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 290 วรรคแรก กระทงหนึ่ง จำคุก 10 ปีและมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295 อีกกระทงหนึ่งจำคุก1 ปี รวมเป็นจำคุก 11 ปี คำรับสารภาพชั้นจับกุมเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา เป็นเหตุบรรเทาโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78ลดโทษให้ 1 ใน 3 คงจำคุกจำเลย 7 ปี 4 เดือน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ในปัญหาที่โจทก์ฎีกาว่า ฟ้องโจทก์มิได้กล่าวว่าจำเลยกับพวกมีเจตนาฆ่าผู้ตาย ถือว่าโจทก์ประสงค์เพียงให้ลงโทษจำเลยฐานฆ่าผู้ตายโดยไม่เจตนาตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 290 โจทก์หามีความประสงค์ให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288 ไม่ เห็นว่า การที่โจทก์บรรยายฟ้องดังกล่าวมีการระบุการกระทำของจำเลยแล้วกล่าวต่อไปว่า ผู้ตายถูกทำร้ายถึงแก่ความตายสมดังเจตนาของจำเลย ทั้งท้ายฟ้องของโจทก์ได้อ้างมาตรา 288 แห่งประมวลกฎหมายอาญา ซึ่งบัญญัติว่าการกระทำเช่นนั้นของจำเลยเป็นความผิด ดังนั้น ถือว่าคำฟ้องดังกล่าวของโจทก์เป็นคำฟ้องที่ได้บรรยายถึงการกระทำทั้งหลายของจำเลยที่อ้างว่าเป็นความผิด ข้อเท็จจริงและรายละเอียดเกี่ยวกับเวลาและสถานที่ซึ่งเกิดการกระทำนั้น อีกทั้งบุคคลหรือสิ่งของที่เกี่ยวข้องด้วยพอสมควรเท่าที่จะทำให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดี เป็นคำฟ้องที่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158 และถือได้ว่าเป็นคำฟ้องที่โจทก์ประสงค์ให้ลงโทษฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาตามมาตรา 288แห่งประมวลกฎหมายอาญาแล้ว โจทก์หาจำเป็นต้องกล่าวซ้ำว่าโดยจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้อื่นอีกในคำฟ้องตอนต้นของโจทก์ไม่ เพราะคำว่าผู้ตายตามสมดังเจตนาของจำเลยนั้นย่อมแปลได้แล้วว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้ตายนั่นเอง
ปัญหาต่อไปตามฎีกามีว่า ฟ้องโจทก์อ้าง มาตรา 288 โดยมิได้อ้างมาตรา 290 มาด้วย ศาลมีอำนาจลงโทษจำเลยตาม มาตรา 290ได้หรือไม่ เห็นว่าถึงแม้โจทก์จะอ้างมาตรา 288 แต่ไม่ได้อ้างมาตรา 290 แห่งประมวลกฎหมายอาญา ด้วยก็ตาม กรณีเป็นเรื่องข้อเท็จจริงตามฟ้องนั้นโจทก์สืบสม แต่โจทก์อ้างฐานความผิดหรือบทมาตราผิด ศาลย่อมมีอำนาจลงโทษจำเลยตามฐานความผิดที่ถูกต้องได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรคห้า
พิพากษายืน

Share