คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1017/2536

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ พ.ศ. 2490 มาตรา 7,55,78 จำคุก 4 ปี ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนพ.ศ. 2490 มาตรา 38,55,78 จำคุก 2 ปี เป็นการแก้ไขเล็กน้อยและลงโทษจำคุกจำเลยที่ 1 ไม่เกิน 5 ปี จำเลยที่ 1 จึงต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 218 วรรคแรก

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32,33, 83, 91, 288, 289, 371 พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนวัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 7,8 ทวิ, 55, 72, 72 ทวิ, 78 คำสั่งของคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดินฉบับที่ 44 ลงวันที่ 21 ตุลาคม 2519 ข้อ 3, 6, 7 พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน (ฉบับที่ 7) พ.ศ. 2522 มาตรา 6, 8 กฎกระทรวงฉบับที่ 11(พ.ศ. 2522) ออกตามความในพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนวัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 ข้อ 2, 3ริบของกลาง
จำเลยทั้งห้าให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 289(4) ประกอบมาตรา 61, 371, 91 พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 7, 8 ทวิ, 55, 72, 72 ทวิ, 78คำสั่งของคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน ฉบับที่ 44 ลงวันที่ 21 ตุลาคม2519 ข้อ 3, 6, 7 พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนวัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิงและสิ่งเทียมอาวุธปืน (ฉบับที่ 7)พ.ศ. 2522 มาตรา 6, 8 กฎกระทรวงฉบับที่ 11 (พ.ศ. 2522) ออกตามความในพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิงและสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 ข้อ 2, 3 ฐานฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนให้ประหารชีวิต ฐานมีอาวุธปืน และเครื่องกระสุนปืนจำคุก 1 ปี ฐานมีเครื่องกระสุนปืนที่นายทะเบียนไม่อาจออกใบอนุญาตไว้ในครอบครอง จำคุก 4 ปี ฐานพาอาวุธปืน เป็นการกระทำกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ ซึ่งเป็นบทหนักตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จำคุก 6 เดือน คำให้การของจำเลยที่ 1 เป็นประโยชน์แก่การพิจารณาในความผิดฐานมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครอง มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุกฐานมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครอง 6 เดือน รวมโทษแล้วเป็นให้ประหารชีวิต และจำคุก 5 ปี เมื่อประหารชีวิตแล้ว ก็ไม่อาจจำคุกได้อีก จึงคงให้ประหารชีวิตจำเลยที่ 1 เพียงสถานเดียว
จำเลยที่ 2 ถึงที่ 5 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288ประกอบมาตรา 61, 371, 91 พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนวัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 7,8 ทวิ, 72, 72 ทวิ คำสั่งของคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน ฉบับที่ 44ลงวันที่ 21 ตุลาคม 2519 ข้อ 3, 6, 7 ฐานฆ่าผู้อื่นโดยสำคัญผิดให้จำคุกจำเลยที่ 2 ถึงที่ 5 ไว้ตลอดชีวิต ฐานมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืน จำคุกคนละ 6 เดือน ฐานพาอาวุธปืนเป็นการกระทำกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบทให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯซึ่งเป็นบทหนัก ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จำคุกคนละ 6 เดือนจำเลยที่ 2 ถึงที่ 5 รับสารภาพในชั้นสอบสวนเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 ฐานฆ่าผู้อื่นให้เปลี่ยนโทษจำคุกตลอดชีวิตเป็นโทษจำคุก50 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 53 เมื่อลดโทษให้หนึ่งในสามแล้วคงจำคุกคนละ 33 ปี 4 เดือน ฐานมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนคงจำคุกคนละ 4 เดือน ฐานพาอาวุธปืน คงจำคุกคนละ 4 เดือน รวมโทษทุกกระทงความผิดแล้ว จำคุกคนละ 34 ปี ริบของกลาง เว้นแต่อาวุธปืนลูกซอง 4 กระบอกที่จำเลยทั้งห้าร่วมกันครอบครอง อาวุธปืนอาก้าอาวุธปืนลูกซองยาวหมายเลข แอล 1260380 พร้อมกระสุนปืนลูกซอง9 นัด และอาวุธปืนพกสั้นหมายเลขทะเบียน กท. 2414442 ให้คืนแก่เจ้าของ ข้อหาอื่นนอกจากนี้ให้ยก
จำเลยทั้งห้าอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดฐานฆ่าผู้อื่นตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 83 กับมีความผิดฐานมีวัตถุระเบิดไว้ในครอบครองอีกสถานหนึ่งตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนเครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืนพ.ศ. 2490 มาตรา 38, 55 และ 78 ลงโทษจำเลยที่ 1 ฐานฆ่าผู้อื่นให้จำคุกตลอดชีวิต ฐานมีวัตถุระเบิดให้จำคุก 2 ปี เมื่อรวมกระทงลงโทษแล้ว คงให้จำคุกจำเลยที่ 1 ตลอดชีวิตสถานเดียวตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91(3) ให้ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 1ในข้อหามีอาวุธปืนพกสั้นขนาด .38 ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตส่วนจำเลยที่ 2 ถึงที่ 5 นั้นมีความผิดฐานฆ่าผู้อื่นตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 83 นอกจากที่แก้นี้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ โจทก์ร่วมทั้งสอง และจำเลยทั้งห้าฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยที่ 1 มีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิดดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 7, 55, 78 จำคุก4 ปี ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิงและสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 38, 55, 78 จำคุก 2 ปีซึ่งเป็นการแก้ไขเล็กน้อยและลงโทษจำคุกจำเลยที่ 1 ไม่เกิน 5 ปีจำเลยที่ 1 จึงต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 วรรคแรก ที่จำเลยที่ 1 ฎีกาว่าลูกระเบิดของกลางเป็นของนายบุญธรรมผู้ตายไม่ใช่ของจำเลยที่ 1จำเลยที่ 1 จึงไม่มีความผิดฐานนี้ เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้ามตามบทกฎหมายดังกล่าว ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย”
พิพากษายืน

Share