แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
ปล้นทรัพย์มาแล้วนำไปจำนำ ตั๋วรับจำนำมิใช่ทรัพย์ที่ได้ใช้หรือมีไว้เพื่อใช้ในการกระทำผิดหรือได้มาโดยการกระทำความผิดศาลไม่มีอำนาจริบตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้อง ขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 340, 340 ตรี, 371, 83, 91 พระราชบัญญัติอาวุธปืนเครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิงและสิ่งเทียมอาวุธปืนพ.ศ. 2490 มาตรา 7, 72, 8 ทวิ, 72 ทวิ ให้ริบมีดปลายแหลม 1 เล่มเชือกพลาสติก 1 ม้วน กระดาษกาวตะกั่ว 1 แผ่น และตั๋วรับจำนำ1 ใบ ของกลาง และคืนสร้อยข้อมือ 1 เส้น วีดีโอเทป 1 เครื่องแก่ผู้เสียหาย กับให้จำเลยทั้งสองร่วมกันคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ที่ยังไม่ได้คืนเป็นเงิน 644,000 บาท แก่ผู้เสียหาย และนับโทษจำคุกของจำเลยที่ 1 ต่อจากโทษจำคุกในคดีอาญาหมายเลขแดงที่1119/2533 ของศาลอาญา
จำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพและรับว่าเป็นบุคคลคนเดียวกับจำเลยในคดีที่โจทก์ขอให้นับโทษต่อ
จำเลยที่ 2 ให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 340 วรรคสอง, 340 ตรี, 371, 83, 91 พระราชบัญญัติอาวุธปืนเครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิงและสิ่งเทียมอาวุธปืนพ.ศ. 2490 มาตรา 7, 72 วรรคหนึ่ง, 8 ทวิ วรรคหนึ่ง, 72 ทวิ วรรคสองฐานปล้นทรัพย์ จำคุก 22 ปี 6 เดือน ฐานมีอาวุธปืนไว้ในความครอบครองจำคุก 2 ปี ฐานพาอาวุธปืน ลงโทษตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนเครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืนพ.ศ. 2490 มาตรา 8 ทวิ วรรคหนึ่ง, 72 ทวิ วรรคสอง จำคุก 1 ปีรวมจำคุก 25 ปี 6 เดือน จำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา78 กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 12 ปี 9 เดือน นับโทษต่อจากโทษในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 1119/2533 ของศาลอาญา จำเลยที่ 2 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340 วรรคสอง, 83 จำคุก 15 ปี จำเลยที่ 2ให้การรับสารภาพชั้นจับกุมและสอบสวนเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 หนึ่งในสาม คงจำคุก 10 ปีริบมีดปลายแหลม 1 เล่ม เชือกพลาสติก 1 ม้วน กระดาษตะกั่ว 1 แผ่นและตั๋วรับจำนำ 1 ใบ ของกลาง ให้คืนสร้อยข้อมือ 1 เส้น เครื่องเล่นวีดีโอเทป 1 เครื่อง แก่ผู้เสียหายและให้จำเลยทั้งสองร่วมกันคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ที่ยังไม่ได้คืนเป็นเงิน 644,000 บาทแก่ผู้เสียหายข้อหาอื่นให้ยก
จำเลยที่ 2 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องจำเลยที่ 2 นอกจากที่แก้ให้คงเป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงเบื้องต้นฟังได้ว่า ในวันเวลาและสถานที่เกิดเหตุตามฟ้อง จำเลยที่ 1 กับพวกอีกหลายคนร่วมกันมีอาวุธเข้าปล้นทรัพย์ของผู้เสียหาย เมื่อเจ้าพนักงานตำรวจจับจำเลยที่ 2 ได้ในคดีอื่น ค้นตัวจำเลยที่ 2พบสร้อยข้อมือกับตั๋วรับจำนำ เครื่องเล่นวีดีโอเทป ของผู้เสียหายปัญหาว่า จำเลยที่ 2 เป็นคนร้ายร่วมกระทำความผิดฐานปล้นทรัพย์กับจำเลยที่ 1 และพวกหรือไม่ ศาลฎีกาเห็นว่า คดีโจทก์ยังไม่พอฟังได้ว่าจำเลยที่ 2 ได้ร่วมกระทำความผิดฐานปล้นทรัพย์ ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องจำเลยที่ 2 ชอบแล้ว ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น แต่ตั๋วรับจำนำของกลางนั้น มิใช่ทรัพย์ที่ได้ใช้หรือมีไว้เพื่อใช้ในการกระทำความผิดหรือได้มาโดยการกระทำความผิด ศาลไม่มีอำนาจริบตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33 ศาลล่างทั้งสองพิพากษาริบตั๋วรับจำนำของกลางดังกล่าวไม่ชอบ”
พิพากษาแก้เป็นว่า ไม่ริบตั๋วรับจำนำของกลาง นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์