คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6356/2555

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์บรรยายคำฟ้องว่า จำเลยทั้งห้าร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนและปริมาณไม่ทราบแน่ชัดไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยมิได้ระบุวันที่และเวลาการกระทำความผิดให้แน่นอน ทั้งมิได้ระบุจำนวนและปริมาณของเมทแอมเฟตามีนที่อ้างว่าจำเลยทั้งห้าร่วมกันมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย ย่อมทำให้ศาลไม่อาจปรับฐานความผิดและบทลงโทษแก่จำเลยทั้งห้าได้ตามความประสงค์ของโจทก์ที่ขอให้ลงโทษจำเลยทั้งห้าเนื่องจากความผิดตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 บัญญัติฐานความผิดและบทลงโทษตามจำนวนหน่วยการใช้ หรือน้ำหนักสุทธิหรือปริมาณคำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ ดังนั้น คำฟ้องของโจทก์มิได้บรรยายถึงการกระทำทั้งหลายที่อ้างว่าจำเลยทั้งห้ากระทำการอันกฎหมายบัญญัติเป็นความผิดตลอดจนข้อเท็จจริงและรายละเอียดที่เกี่ยวกับวันเวลาที่เกิดจากการกระทำนั้นๆ พอสมควรเท่าที่ทำให้จำเลยทั้งห้าเข้าใจข้อหาได้ดีตาม ป.วิ.อ. มาตรา 158 (5) คำฟ้องโจทก์ไม่ชอบด้วยกฎหมาย

ย่อยาว

คดีนี้ศาลชั้นต้นพิจารณาและพิพากษารวมกับคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 3086/2547 ของศาลชั้นต้น ซึ่งโจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งห้าตามพระราชบัญญัติมาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ.2534 แต่คดีดังกล่าวยุติไปแล้วตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น คงขึ้นมาสู่ศาลฎีกาเฉพาะคดีนี้
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งห้าตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 4, 7, 8, 15, 66, 100, 100/1 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 91 ให้ระวางโทษจำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 5 เป็นสามเท่าของโทษที่กำหนดและนับโทษจำเลยที่ 3 ต่อจากโทษจำคุกของจำเลยที่ 3 ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 2478/2544 ของศาลชั้นต้น
จำเลยทั้งห้าให้การปฏิเสธ แต่จำเลยที่ 3 รับว่าเป็นบุคคลคนเดียวกันกับจำเลยในคดีที่โจทก์ขอให้นับโทษต่อ
ศาลชั้นต้นพิพากษาจำเลยทั้งห้ามีความผิดฐานร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคหนึ่ง, 66 วรรคหนึ่ง ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 จำคุกจำเลยที่ 2 ถึงจำเลยที่ 4 คนละ 6 ปี จำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 5 เป็นข้าราชการต้องระวางโทษเป็นสามเท่าตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 100 จำคุกจำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 5 คนละ 18 ปี นับโทษจำเลยที่ 3 ต่อจากโทษจำคุกในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 2478/2544 ของศาลชั้นต้น ยกฟ้องข้อหาอื่นและสำนวนคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 3086/2547 ของศาลชั้นต้น
จำเลยทั้งห้าอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องในข้อหาความผิดฐานร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนจำนวนและปริมาณไม่ทราบแน่ชัดไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายเสียด้วย นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีในส่วนที่โจทก์ฟ้องจำเลยทั้งห้าในข้อหามีเมทแอมเฟตามีนจำนวน 3,241 เม็ด ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์ในส่วนนี้และโจทก์มิได้อุทธรณ์ ความผิดในข้อหาดังกล่าวจึงยุติไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
มีปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า จำเลยทั้งห้าร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีจำนวนและปริมาณไม่ทราบแน่ชัดไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายตามฟ้องโจทก์หรือไม่ เห็นว่า คดีนี้โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งห้ากับพวกร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนอันเป็นยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 จำนวน 3,241 เม็ด น้ำหนักรวม 280.47 กรัม คำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ได้ 63.264 กรัม และอีกจำนวนหนึ่งซึ่งตามทางการสอบสวนมีจำนวนมาก แต่ไม่สามารถระบุจำนวนและปริมาณได้ ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย โดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย จากคำฟ้องเห็นได้ว่า โจทก์บรรยายคำฟ้องในส่วนของการที่จำเลยทั้งห้าร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนและปริมาณไม่ทราบแน่ชัดไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย โดยมิได้ระบุวันที่และเวลาการกระทำความผิดให้แน่นอน อีกทั้งมิได้ระบุจำนวนและปริมาณของเมทแอมเฟตามีนที่อ้างว่าจำเลยทั้งห้าร่วมกันมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายว่ามีจำนวนเท่าใดและครอบครองอยู่ในช่วงเวลาใด ซึ่งทำให้จำเลยทั้งห้าไม่สามารถที่จะเข้าใจและต่อสู้คดีได้ว่า จำเลยทั้งห้ากระทำความผิดในช่วงวันเวลาใดและจำนวนและปริมาณของเมทแอมเฟตามีนที่ครอบครองในช่วงเวลาดังกล่าวมีเพียงใด เพราะโจทก์กล่าวหาว่าจำเลยทั้งห้าร่วมกันกระทำความผิดเป็นระยะเวลาต่อเนื่องกันถึง 9 ปี ประกอบกับการที่ฟ้องของโจทก์ไม่สามารถระบุจำนวนและปริมาณของเมทแอมเฟตามีนได้ ย่อมทำให้ศาลไม่อาจปรับฐานความผิดและบทลงโทษแก่จำเลยทั้งห้าได้อย่างถูกต้องตรงตามความประสงค์ของโจทก์ที่ขอให้ลงโทษจำเลยทั้งห้าได้ เนื่องจากความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 บัญญัติฐานความผิดและบทลงโทษตามจำนวนหน่วยการใช้หรือน้ำหนักสุทธิหรือปริมาณคำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ คำฟ้องของโจทก์ในส่วนนี้จึงมิได้บรรยายถึงการกระทำทั้งหลายที่อ้างว่าจำเลยทั้งห้าได้กระทำการอันกฎหมายบัญญัติเป็นความผิด ตลอดจนข้อเท็จจริงและรายละเอียดที่เกี่ยวกับวันเวลาที่เกิดการกระทำนั้นๆ พอสมควรเท่าที่จะทำให้จำเลยทั้งห้าเข้าใจข้อหาได้ดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158 (5) คำฟ้องของโจทก์ในส่วนนี้จึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 4 เห็นว่า คำฟ้องของโจทก์ในส่วนนี้ไม่ชอบด้วยกฎหมายและศาลชั้นต้นไม่มีอำนาจพิจารณาพิพากษาลงโทษจำเลยทั้งห้าและพิพากษายกฟ้องโจทก์ในส่วนนี้ ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน

Share