คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 449/2536

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยรู้เห็นเป็นใจกับพวกคนร้ายหลอกพาผู้ตายไปฆ่าโดยวิธีจุดไฟเผาทั้งเป็น โดยจับผู้ตายแก้ผ้าเอาเชือกมัดมือมัดเท้าเอาล้อยางรถยนต์สวมตัว กับเอาน้ำมันราดและจุดไฟเผาผู้ตาย ซึ่งผู้ตายจะไม่ตายในทันที แต่จะได้รับความเจ็บปวดและทรมานเป็นเวลานานก่อนจะสิ้นใจ แสดงให้เห็นว่าประสงค์ให้ผู้ตายได้รับความลำบากอย่างสาหัสก่อนตาย จึงเป็นการฆ่าโดยทรมาน ทารุณโหดร้าย และไตร่ตรองไว้ก่อน จำเลยมิได้อยู่ในบริเวณที่เกิดเหตุในขณะเกิดเหตุในลักษณะที่จะเข้าช่วยขจัดอุปสรรคอันอาจมีขึ้นได้ทัน เพราะพวกคนร้ายได้พาตัวผู้ตายขึ้นรถปิกอัพแยกจากจำเลยไปสถานที่อีกแห่งหนึ่งแล้วจึงร่วมกันจุดไฟเผาผู้ตาย การกระทำของจำเลยจึงยังไม่ถึงขั้นเป็นตัวการร่วมกับพวกคนร้ายฆ่าผู้ตาย คงเป็นเพียงผู้สนับสนุนให้คนร้ายฆ่าผู้ตายเท่านั้น

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288,289, 83 และริบของกลาง
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 289(4)(5), 83 จำเลยอายุ 18 ปี ลดมาตราส่วนโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 76 ประกอบมาตรา 52(1) ลงโทษจำคุกตลอดชีวิต ของกลางริบ
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงที่คู่ความไม่โต้เถียงกันในชั้นฎีกาฟังได้ว่า จำเลยขับรถจักรยานยนต์พาผู้ตายจากบ้านที่อำเภอท่าใหม่โฉนหน้าไปทางจังหวัดจันทบุรี ระหว่างทางจำเลยบอกผู้ตายว่าน้ำมันรถจักรยานยนต์หมดและได้หยุดจอด ขณะเดียวกันมีคนร้ายหลายคนจากรถยนต์ปิกอัพที่จอดอยู่ข้างทางเข้ามาทำร้ายผู้ตายแล้วพาผู้ตายไปที่ตำบลท่าหลวง อำเภอมะขาม จังหวัดจันทบุรี แยกจากถนนใหญ่ไปประมาณ 2 กิโลเมตร แล้วจับผู้ตายแก้ผ้าเอาเชือกมัดมือและเท้าทั้งสองข้าง เอาล้อยางรถยนต์ 3 เส้นสวมตัวเอาน้ำมันราดและจุดไฟเผาผู้ตาย ขณะนั้นเวลาประมาณ 24 นาฬิกา พวกคนร้ายดูผู้ตายถูกเผาประมาณ 3 นาที ก็หนีไปหลังจากนั้นเชือกที่มัดผู้ตายไว้ดังกล่าวถูกเผาไหม้จนขาด ผู้ตายวิ่งหนีไปหลบอยู่ที่บ้านร้างต่อมาอีก 20 วัน ผู้ตายถึงแก่ความตายเนื่องจากสูญเสียผิวหนังที่ถูกเผาไปประมาณ 80 เปอร์เซ็นต์ และติดเชื้อ และข้อเท็จจริงฟังได้ต่อไปว่า จำเลยได้รู้เห็นเป็นใจกับพวกคนร้ายหลอกพาผู้ตายไปฆ่าโดยวิธีจุดไฟเผาทั้งเป็น โดยการจับผู้ตายแก้ผ้าเอาเชือกมัดมือมัดเท้าทั้งสองข้าง เอาล้อยางรถยนต์สวมตัวกับเอาน้ำมันราดและจุดไฟเผาผู้ตาย ซึ่งผู้ตายจะไม่ตายในทันที แต่จะได้รับความเจ็บปวดและทรมานเป็นเวลานานก่อนจะสิ้นใจ แสดงให้เห็นว่าประสงค์ให้ผู้ตายได้รับความลำบากอย่างสาหัสก่อนตาย จึงเป็นการฆ่าโดยทรมานและทารุณโหดร้าย ทั้งเป็นการฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อนตามฟ้อง อย่างไรก็ดีเนื่องจากจำเลยมิได้อยู่ในบริเวณที่เกิดเหตุในขณะเกิดเหตุในลักษณะที่จะเข้าช่วยขจัดอุปสรรคอันอาจมีขึ้นได้ทัน เพราะพวกคนร้ายได้พาตัวผู้ตายขึ้นรถปิกอัพแยกจากจำเลยไปยังสถานที่อีกแห่งหนึ่งซึ่งห่างไกลจากถนนใหญ่ประมาณ 2 กิโลเมตร แล้วจึงร่วมกันจุดไฟเผาผู้ตายการกระทำของจำเลยจึงยังไม่ถึงขั้นเป็นตัวการร่วมกับพวกคนร้ายฆ่าผู้ตาย คงเป็นเพียงผู้สนับสนุนให้คนร้ายฆ่าผู้ตายเท่านั้นจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289(4)(5), 86
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 289(4)(5) , 86 จำเลยอายุ 18 ปี ลดมาตราส่วนโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 76 ประกอบด้วยมาตรา 52(1), 53แล้วคงจำคุกจำเลยมีกำหนด 33 ปี 4 เดือน นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share