คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 138/2536

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

จำเลยผิดนัดไม่ชำระหนี้ตามที่ขอประนอมหนี้ก่อนล้มละลายไว้เพราะไม่มีเงินมาชำระเนื่องจากบอกขายที่ดินแล้วยังขายไม่ได้ ศาลย่อมมีอำนาจยกเลิกการประนอมหนี้และพิพากษาให้จำเลยล้มละลายได้.

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องจากศาลชั้นต้นมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์จำเลยเด็ดขาดต่อมาจำเลยยื่นคำขอประนอมหนี้ก่อนล้มละลาย ศาลชั้นต้นมีคำสั่งเห็นชอบด้วยการประนอมหนี้แล้ว ต่อมาจำเลยผิดนัดไม่ชำระหนี้ตามที่ตกลงไว้ในการประนอมหนี้ เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จึงรายงานต่อศาลขอให้ยกเลิกการประนอมหนี้ และพิพากษาให้จำเลยเป็นบุคคลล้มละลายต่อไป
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกเลิกการประนอมหนี้และพิพากษาให้จำเลยเป็นบุคคลล้มละลาย
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีมีปัญหาว่าที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกเลิกการประนอมหนี้และพิพากษาให้จำเลยล้มละลายนั้นชอบหรือไม่จำเลยฎีกาว่า ที่จำเลยไม่สามารถชำระหนี้ตามที่ขอประนอมหนี้ไว้ไม่ใช่เพราะจำเลยจงใจหรือเจตนาจะไม่นำเงินมาวางชำระให้แต่จำเลยมีธุรกิจต้องบอกขายที่ดินของจำเลยเพื่อนำเงินมาชำระหนี้ตามข้อสัญญาประนอมหนี้ แต่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์และเจ้าหนี้อื่นทั้งปวงไม่ให้โอกาสแก่จำเลยที่จะหาเงินมาชำระหนี้นั้น ศาลฎีกาเห็นว่า เมื่อจำเลยรับว่าจำเลยได้ผิดนัดไม่ชำระหนี้ตามที่ขอประนอมหนี้ก่อนล้มละลายไว้ เพราะไม่มีเงินมาชำระจนต้องบอกขายที่ดินของจำเลย แต่ก็ยังขายไม่ได้ จึงเป็นกรณีที่จำเลยผิดนัดไม่ชำระหนี้ตามที่ตกลงไว้ในการประนอมหนี้ตรงตามรายงานของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ ศาลจึงมีอำนาจยกเลิกการประนอมหนี้และพิพากษาให้จำเลยล้มละลายได้ดังที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 60 ข้ออ้างของจำเลยไม่เป็นเหตุให้ศาลฎีกาเปลี่ยนแปลงคำสั่งหรือคำพิพากษาของศาลล่างทั้งสองได้ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน.

Share