คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1715/2551

แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ

ย่อสั้น

หลังจากศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาแล้ว นิติบุคคลโจทก์ได้จัดให้มีการประชุมใหญ่เมื่อวันที่ 1 เมษายน 2549 โจทก์เปลี่ยนแปลงผู้จัดการนิติบุคคลอาคารชุดจาก ป.มาเป็น ภ. และได้มีการจดทะเบียนแล้ว ดังนี้ ภ. จึงอยู่ในฐานะผู้มีอำนาจกระทำการแทนโจทก์ได้ แม้ ป. ผู้จัดการนิติบุคคลคนเดิมเป็นผู้ยื่นอุทธรณ์และเป็นผู้ลงลายมือชื่อแต่งทนายความไว้ก็ตาม แต่เมื่อโจทก์ได้จดทะเบียนเปลี่ยนแปลงผู้จัดการนิติบุคคลอาคารชุดมาเป็น ภ. แล้ว ภ. ย่อมมีอำนาจถอนอุทธรณ์และถอนทนายความ หาใช่เป็นอำนาจของ ป. ไม่ และการจดทะเบียนเปลี่ยนแปลงผู้จัดการนิติบุคคลอาคารชุดเป็นไปตามมติที่ประชุมครั้งใหม่ภายหลังจากศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาแล้ว มิได้อาศัยมติที่ประชุมที่ยังเป็นข้อพิพาทในคดี อีกทั้งการถอนฟ้องหรือถอนอุทธรณ์เป็นสิทธิของโจทก์ที่จะกระทำได้ หาใช่เป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริตไม่

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้อง ขอให้ศาลพิพากษาว่าการดำเนินการประชุมของจำเลยทั้งห้าเมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน 2547 และมติที่ประชุมดังกล่าวไม่ชอบด้วยกฎหมาย เป็นโมฆะ ให้จำเลยทั้งห้าหยุดการดำเนินการเพื่อจัดให้มีการประชุมใหญ่วิสามัญในครั้งต่อไป ห้ามมิให้จำเลยทั้งห้ากระทำการใดๆ อันเป็นการขัดขวางและกระทบต่อสิทธิหน้าที่ของโจทก์ในการบริหารจัดการดูแลทรัพย์ส่วนกลางของอาคารชุดและกระทำการใดๆ อันเป็นการก่อความเดือดร้อนให้กับเจ้าของร่วมคนอื่นและก่อความเสียหายแก่โจทก์และอาคารชุดโดยรวม
จำเลยทั้งห้ายื่นคำให้การ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์ ให้โจทก์ใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนจำเลยทั้งห้า โดยกำหนดค่าทนายความ 3,000 บาท ให้ยกเลิกคำสั่งเมื่อวันที่ 20 มกราคม 2548 ที่ให้เจ้าพนักงานที่ดินระงับการจดทะเบียนเปลี่ยนแปลงผู้จัดการนิติบุคคลอาคารชุดเดอะ วอเตอร์ฟอร์ด รามา 4/3 ไว้ชั่วคราว
โจทก์อุทธรณ์
คดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ โจทก์โดยนายภิรมย์ ผู้จัดการนิติบุคคลอาคารชุดยื่นคำร้องว่า โจทก์ยอมรับมติที่ประชุมเจ้าของร่วมและจดทะเบียนเปลี่ยนแปลงรายการผู้จัดการนิติบุคคลแล้ว ไม่ประสงค์ที่จะอุทธรณ์คัดค้านคำพิพากษาศาลชั้นต้นอีกต่อไป จึงขอถอนอุทธรณ์ และขอถอนทนายความชุดเก่าออกจากการเป็นทนายความของโจทก์ จำเลยทั้งห้ายื่นคำแถลงไม่คัดค้านศาลชั้นต้นมีคำสั่งส่งศาลอุทธรณ์เพื่อพิจารณา
นายวิศานติ์ทนายโจทก์ โดยนายประเสริฐผู้คัดค้านยื่นคำร้องคัดค้านการถอนอุทธรณ์และถอนทนายความ
ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งอนุญาตให้โจทก์ถอนอุทธรณ์และถอนทนายความได้ให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบความ
ผู้คัดค้านฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีมีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยว่า นายภิรมย์มีอำนาจถอนอุทธรณ์คดีนี้และถอนทนายความแทนโจทก์หรือไม่ ปรากฏจากรายงานกระบวนพิจารณาลงวันที่ 28 สิงหาคม 2549 ซึ่งเป็นวันที่ศาลชั้นต้นนัดไต่สวนคำร้องคัดค้านการถอนอุทธรณ์และถอนทนายความว่า คู่ความแถลงรับข้อเท็จจริงว่าหลังจากศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาไปแล้ว นิติบุคคลโจทก์ได้จัดให้มีการประชุมใหญ่เมื่อวันที่ 1 เมษายน 2549 ตามรายงานการประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2549 ของโจทก์ ข้อเท็จจริงได้ความตามเอกสารดังกล่าวว่า โจทก์มีการเปลี่ยนแปลงผู้จัดการนิติบุคคลอาคารชุดจากนายประเสริฐมาเป็นนายภิรมย์และได้มีการจดทะเบียนแล้ว ตามเอกสารท้ายคำร้องลงวันที่ 25 พฤษภาคม 2549 ดังนี้นายภิรมย์จึงอยู่ในฐานะผู้มีอำนาจกระทำการแทนโจทก์ได้ แม้นายประเสริจผู้จัดการนิติบุคคลคนเดิมเป็นผู้ยื่นอุทธรณ์และเป็นผู้ลงลายมือชื่อแต่งทนายความไว้ก็ตาม แต่เมื่อโจทก์ได้มีการจดทะเบียนเปลี่ยนแปลงผู้จัดการนิติบุคคลอาคารชุดมาเป็นนายภิรมย์แล้ว นายภิรมย์ย่อมมีอำนาจถอนอุทธรณ์และถอนทนายความ หาใช่เป็นอำนาจของนายประเสริฐอย่างที่ผู้คัดค้านอ้างมาในฎีกาไม่ และการจดทะเบียนเปลี่ยนแปลงผู้จัดการนิติบุคคลเป็นการจดทะเบียน ตามมติที่ประชุมครั้งใหม่ภายหลังจากศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาแล้ว มิได้อาศัยมติที่ประชุมที่ยังเป็นข้อพิพาทในคดีดังที่ผู้คัดค้านฎีกา อีกทั้งการถอนฟ้องหรือถอนอุทธรณ์เป็นสิทธิของโจทก์ที่จะกระทำได้หาใช่เป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริตไม่ ที่ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งอนุญาตให้โจทก์ถอนอุทธรณ์และถอนทนายความได้ เป็นคำสั่งที่ชอบแล้วไม่มีเหตุที่ศาลฎีกาจะเปลี่ยนแปลงแก้ไข ฎีกาของผู้คัดค้านฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาเป็นพับ

Share