คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7409/2537

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์มิได้บรรยายฟ้องว่า ที่ดินพิพาทเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน โจทก์เพิ่งยกปัญหาข้อนี้ขึ้นกล่าวอ้างในชั้นฎีกาจึงเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 วรรคแรกศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย

ย่อยาว

คดีสามสำนวนนี้ ศาลชั้นต้นสั่งรวมพิจารณาและพิพากษาเข้าด้วยกันโดยให้เรียกจำเลยสำนวนแรกว่าจำเลยที่ 1 จำเลยสำนวนที่ 2ว่าจำเลยที่ 2 และจำเลยสำนวนที่ 3 ว่าจำเลยที่ 3 และที่ 4
โจทก์ฟ้องทั้งสามสำนวนมีใจความทำนองเดียวกันว่า โจทก์ซื้อที่ดิน 1 แปลง ตามตราจองเลขที่ 11 เนื้อที่ 232 ไร่ 2 งาน40 ตารางวา เพื่อประกอบกิจการเกี่ยวกับใบยาสูบและข้าวของสำนักงานไร่ยาสูบเชียงใหม่ โรงงานยาสูบ กระทรวงการคลัง และโจทก์นำไปขึ้นทะเบียนเป็นที่ดินราชพัสดุในกระทรวงการคลัง ต่อมาโจทก์ขอให้สำนักงานที่ดินจังหวัดเชียงใหม่ออกโฉนดที่ดินสำหรับที่ดินแปลงดังกล่าวสำนักงานที่ดินจังหวัดเชียงใหม่ออกโฉนดที่ดินให้โจทก์ 2 ฉบับ คือโฉนดที่ดินเลขที่ 3941 และโฉนดที่ดินเลขที่ 3942 รวมเนื้อที่ดิน202 ไร่ 3 งาน 11 ตารางวา เนื้อที่ดินขาดหายไปจากตราจองเลขที่ 11จำนวน 29 ไร่ 3 งาน 29 ตารางวา โจทก์ตรวจสอบแล้วปรากฎว่าจำเลยที่ 1 บุกรุกที่ดินโจทก์รวม 3 ไร่ 1 งาน 81 ตารางวา ตามส.ค.1 เลขที่ 432 และ 430 จำเลยที่ 2 บุกรุกที่ดินโจทก์เป็นเนื้อที่ 6 ไร่ 3 งาน 35 ตารางวา ตามโฉนดที่ดินเลขที่ 7082 และจำเลยที่ 3 บุกรุกที่ดินโจทก์เป็นเนื้อที่ 1 ไร่ 3 งาน 22 ตารางวาตามแบบแจ้งการครอบครองที่ดิน (ส.ค.1) เลขที่ 433 โดยรับโอนจากจำเลยที่ 4 ขอให้บังคับจำเลยทั้งสามและบริวารรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างและทรัพย์สินออกจากที่ดินของโจทก์ ห้ามจำเลยทั้งสี่เข้าไปเกี่ยวข้องอีกต่อไป และขอให้เพิกถอนแบบแจ้งการครอบครองที่ดิน (ส.ค.1) เลขที่432, 433 หนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3) เลขที่ 430และโฉนดที่ดินเลขที่ 7082
จำเลยทั้งสามสำนวนให้การและฟ้องแย้งว่า จำเลยทั้งสี่ไม่ได้บุกรุกที่ดินของโจทก์ จำเลยที่ 1 จำเลยที่ 3 และที่ 4เป็นผู้มีสิทธิครอบครองในที่ดินที่แต่ละคนครอบครองโดยชอบด้วยกฎหมายส่วนจำเลยที่ 2 ซื้อที่ดินตามโฉนดที่ดินเลขที่ 7082 จากนายณรงค์จำเลยที่ 2 จึงเป็นผู้ทรงกรรมสิทธิ์ที่ดินแปลงดังกล่าวโดยชอบด้วยกฎหมาย เพราะเสียค่าตอบแทนโดยสุจริต และจดทะเบียนสิทธิโดยสุจริตแล้ว โจทก์นำเจ้าพนักงานที่ดินรังวัดสอบเขตเพื่อออกโฉนดที่ดินแทนตราจองเลขที่ 11 โดยนำชี้รังวัดบุกรุกเข้าไปในที่ดินของจำเลยทั้งสี่ทั้งแปลง เป็นการบุกรุกรบกวนการครอบครองที่ดินของจำเลยทั้งสี่โดยปกติสุข ทำให้จำเลยทั้งสี่ได้รับความเสียหายขอให้บังคับโจทก์รื้อถอนหลักเขตที่ดินของโจทก์ออกจากที่ดินของจำเลยทั้งสี่ ห้ามไม่ให้โจทก์เข้ามาเกี่ยวข้องกับที่ดินของจำเลยทั้งสี่ และขอให้เพิกถอนโฉนดที่ดินเลขที่ 3941 และ 3942 กับให้โจทก์ใช้ค่าเสียหายแก่จำเลยทั้งสี่
โจทก์ให้การแก้ฟ้องแย้งทั้งสามสำนวนในทำนองเดียวกันว่า โจทก์นำชี้ให้เจ้าพนักงานที่ดินรังวัดเพื่อออกโฉนดที่ดินเลขที่3941 และ 3942 โดยสุจริต กระทำตามขั้นตอนของกฎหมายทุกประการขอให้ยกฟ้องแย้ง
ระหว่างพิจารณาจำเลยที่ 1 ถึงแก่กรรม นายดวงแก้วนายอุดม นายประวินและนางวันเพ็ญ บุตรของจำเลยที่ 1 ยื่นคำขอเข้ามาเป็นคู่ความแทน ศาลชั้นต้นอนุญาต
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์ ให้โจทก์รื้อถอนหลักเขตที่ดินของโจทก์ออกจากที่ดินของจำเลยทั้งสี่โดยให้โจทก์เสียค่าใช้จ่าย ห้ามมิให้โจทก์เกี่ยวข้องกับที่ดินของจำเลยทั้งสี่อีกต่อไป
โจทก์ทั้งสามสำนวนอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน
โจทก์ทั้งสามสำนวนฎีกา
ในระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา จำเลยที่ 2 ถึงแก่กรรมไม่ปรากฎว่าทายาทหรือผู้จัดการทรัพย์มรดกของจำเลยที่ 2 หรือบุคคลอื่นใดที่ปกครองทรัพย์มรดกไว้ได้ยื่นคำขอเข้ามาเป็นคู่ความแทนที่จำเลยที่ 2 หรือไม่มีคู่ความฝ่ายใดยื่นคำขอให้ศาลเรียกผู้ใดเข้าเป็นคู่ความแทนที่จำเลยที่ 2 ล่วงเลยกำหนดหนึ่งปีนับแต่ความปรากฎแก่ศาล จึงต้องจำหน่ายคดีฟ้องโจทก์เฉพาะจำเลยที่ 2 ออกจากสารบบความศาลฎีกา ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 42
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า โจทก์ฎีกาว่า ที่ดินพิพาทที่จำเลยทั้งสี่ครอบครองอยู่เป็นที่ดินของโจทก์ ซึ่งโจทก์ได้ขึ้นทะเบียนเป็นที่ราชพัสดุแล้วดังนั้นที่ดินพิพาทจึงเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินที่ใช้เพื่อประโยชน์ของแผ่นดิน โดยเฉพาะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1304(3) จำเลยทั้งสี่ไม่อาจยกอายุความขึ้นต่อสู้กับแผ่นดินได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1306 นั้น เห็นว่า โจทก์มิได้บรรยายฟ้องว่า ที่ดินพิพาทเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินโจทก์เพิ่งยกปัญหาข้อนี้ขึ้นกล่าวอ้างในชั้นฎีกา จึงเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 วรรคแรกศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
พิพากษายกฎีกาของโจทก์ทั้งสามสำนวน

Share