แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
นอกจากจำเลยจะปฏิบัติหน้าที่ทางเอกสารที่เกี่ยวข้องกับหน่วยราชการต่าง ๆ แทนบริษัทผู้ขนส่งที่อยู่ต่างประเทศแล้วจำเลยยังเป็นผู้จัดการในการขนถ่ายสินค้าจากเกาะสีชังลงเรือฉลอมแล้วนำเข้ามาที่โรงพักสินค้าของบริษัทบ. เพื่อส่งมอบให้บริษัทย.ผู้ซื้อสินค้าซึ่งเป็นผู้รับตราส่งอีกด้วย เข้าลักษณะร่วมขนส่งเพื่อให้สินค้าถึงมือผู้ซื้อในการขนส่งช่วงสุดท้าย จำเลยจึงเป็นผู้ขนส่งทอดสุดท้ายซึ่งต้องร่วมรับผิดในความเสียหายของสินค้าด้วยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 618 ซึ่งเป็นกฎหมายที่ใกล้เคียงอย่างยิ่งกับการรับขนของทางทะเลในขณะเกิดข้อพิพาททั้งนี้ไม่ว่าความเสียหายจะเกิดขึ้นตอนใดในระหว่างการขนส่งและจำเลยจะได้เป็นผู้ทำให้เกิดความเสียหายนั้นหรือไม่ก็ตาม
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า เมื่อประมาณปลายปี 2526บริษัทยูโรไทยอินดัสเตรียลซัพพลาย จำกัด ได้สั่งซื้อสินค้าข้าวมอลท์ จำนวน 9,600 กระสอบ น้ำหนัก 480,000 กิโลกรัมจากบริษัทยูโรไทยอินดัสตรี เบดาร์ฟ แอนด์ แฮนเดลส์ จีเอ็มบีเอช จำกัดซึ่งอยู่ที่ประเทศสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมัน บริษัทผู้ขายสินค้าได้ว่าจ้างบริษัทชิพฟาทาเกสเซลชาพ เดทเลฟ วอน แอพเพ่น จีเอ็มบีเอชจำกัด เป็นผู้ขนส่งสินค้าทางทะเลมายังประเทศไทยโดยเรือชื่ออนานเจลไมท์ เนื่องจากผู้ขนส่งสินค้าดังกล่าวไม่มีสาขาในประเทศไทยผู้ขนส่งจึงมอบหมายให้จำเลยเป็นผู้ขนส่งทอดสุดท้ายบริษัทยูโรไทยอินดัสเตรียลซัพพลาย จำกัด ได้เอาสินค้าดังกล่าวประกันภัยไว้แก่โจทก์ ในวงเงินไม่เกิน 7,587,469.55 บาทต่อมาเมื่อวันที่ 26 มกราคม 2527 เรืออนานเจลไมท์ได้บรรทุกข้าวมอลท์มาถึงประเทศไทยเข้าเทียบท่าเรือที่เกาะสีชัง จังหวัดชลบุรีปรากฎว่าข้าวมอลท์สูญหายไปจำนวน 18,600 กิโลกรัม คิดเป็นเงิน294,014.45 บาท ความเสียหายดังกล่าวเกิดขึ้นในระหว่างการขนส่งทางทะเล บริษัทยูโรไทยอินดัสเตรียลซัพพลาย จำกัดจึงเรียกร้องให้โจทก์ในฐานะผู้รับประกันภัยชำระค่าเสียหายดังกล่าวตามสัญญาประกันภัย โจทก์ได้ชำระให้ตามสัญญาแล้วและโจทก์ได้นำข้าวมอลท์ที่รั่วไหลจากกระสอบและมีสิ่งปนเปื้อนจำนวน8,445 กิโลกรัม ออกประมูลขายได้เงินจำนวน 14,730 บาท คงเหลือค่าเสียหายที่โจทก์ได้ชำระไปแล้วเป็นเงิน 279,284.45 โจทก์จึงเป็นผู้รับช่วงสิทธิที่จะเรียกร้องค่าเสียหายจาก จำเลยซึ่งเป็นผู้ร่วมขนส่ง พร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันที่ 13 พฤษภาคม 2528 จนถึงวันฟ้องเป็นเวลา 1,008 วัน เป็นเงิน57,674.15 บาท ขอให้บังคับจำเลยชำระเงิน 336,958.60 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีของต้นเงิน 279,284.45 บาทนับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การว่า จำเลยเป็นตัวแทนเจ้าของเรือหรือผู้เช่าเรือซึ่งมีภูมิลำเนาอยู่ต่างประเทศ มีรายได้จากการรับจ้างทำของเท่านั้นจำเลยจึงไม่ต้องรับผิดในความสูญหายหรือเสียหายของสินค้าข้าวมอลท์ร่วมกับผู้ขนส่งทอดอื่น ๆ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวน 279,284.45 บาทพร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันที่22 พฤษภาคม 2528 เป็นต้นไป จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ส่วนที่ขอเกินมาให้ยกจำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนจำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงฟังได้ในเบื้องต้นว่า โจทก์เป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัด มีวัตถุประสงค์ในการประกอบกิจการรับประกันภัยทุกชนิด จำเลยเป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัดเมื่อประมาณปลายปี 2526 บริษัทยูโรไทยอินดัสเตรียลซัพพลายจำกัด ได้สั่งซื้อข้าวมอลท์ จำนวน 9,600 กระสอบ น้ำหนัก480,000 กิโลกรัมจากบริษัทยูโรไทยอินดัสตรี เบดาร์ฟ แอนด์แฮนเดลส์ จีเอ็มบีเอส จำกัด ซึ่งอยู่ที่ประเทศสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมัน บริษัทผู้ขายสินค้าได้ว่าจ้างบริษัทชิฟฟาทาเกสเซลชาพ เดทเลฟ วอน แอพเพ่น จีเอ็มบีเอช จำกัดเป็นผู้ขนส่งสินค้าทางทะเลมายังประเทศไทย โดยเรือชื่ออนานเจลไมท์บริษัทผู้ขนส่งสินค้าดังกล่าวไม่มีสาขาในประเทศไทย ได้มอบหมายให้จำเลยดำเนินการบางอย่างบริษัทยูโรไทยอินดัสเตรียลซัพพลาย จำกัด ได้เอาสินค้าดังกล่าวประกันภัยไว้แก่โจทก์ ในวงเงินไม่เกิน 7,587,469.55 บาท เมื่อสินค้าดังกล่าวมาถึงบริษัทยูโรไทยอินดัสเตรียลซัพพลาย จำกัด ปรากฎว่าสินค้าดังกล่าวเสียหาย บริษัทยูโรไทยอินดัสเตรียลซัพพลาย จำกัดจึงเรียกร้องให้โจทก์ในฐานะผู้รับประกันภัยชำระค่าเสียหายโจทก์จึงได้ชำระให้และรับช่วงสิทธิมาเรียกจากจำเลยคิดเป็นค่าเสียหายจำนวน 279,284.45 บาท
คงมีข้อที่จะต้องวินิจฉัยในชั้นนี้ตามฎีกาจำเลยว่า จำเลยเป็นผู้ขนส่งทอดสุดท้ายซึ่งจะต้องรับผิดใช้เงินแก่โจทก์หรือไม่โจทก์มีนายพุทธิพงษ์ ด่านบุญสุด เจ้าหน้าที่ส่วนชดใช้ภัยทางทะเลของโจทก์เบิกความว่า จำเลยได้ขนถ่ายสินค้าจากเรืออนานเจลไมท์ลงเรือฉลอมที่ท่าเรือเกาะสีชัง และจัดส่งให้ผู้รับสินค้าที่โรงพักสินค้าของบริษัทบุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด โจทก์ได้มอบให้บริษัทเนชั่นแนลเซอร์เวเยอร์ส จำกัด เป็นผู้สำรวจความเสียหายทั้งหมดและนายปริญญา รักชาญศรีศักดิ์ พนักงานของบริษัทเนชั่นแนลเซอร์เวเยอร์ส์จำกัด ผู้สำรวจความเสียหายสินค้ารายพิพาทนี้เบิกความว่า พยานทราบว่าเรืออนานเจลไมท์เมื่อเข้ามาถึงประเทศไทยได้มีการขนถ่ายสินค้าที่เกาะสีชังผลการสำรวจความเสียหายปรากฎว่าความเสียหายเกิดจากการขนถ่ายข้าวมอลท์จากเรืออนานเจลไมท์ไปยังเรือฉลอม นายพิทักษ์ พิเศษสิทธิ์พนักงานของจำเลยเบิกความเป็นพยานจำเลยว่า เรืออนานเจลไมท์จะแล่นเข้ามาในแม่น้ำเจ้าพระยาไม่ได้เพราะเป็นเรือขนาดใหญ่จึงต้องขนถ่ายสินค้าที่เกาะสีชังและนายบุญยิ่ง อุไรรัตน์ซึ่งเป็นผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย พยานจำเลยอีกปากหนึ่งเบิกความว่า เหตุที่เรือสินค้าจากต่างประเทศต้องจอดที่เกาะสีชังเพราะเป็นเรือยาวเกิน 565 ฟุต ไม่สามารถเข้ามาในเขตน่านน้ำไทยได้รวมทั้งเรือชื่ออนานเจลไมท์ด้วย เช่นนี้ พยานจำเลยเจือสมพยานโจทก์ฟังได้ว่า เรืออนานเจลไมท์ที่ขนสินค้ารายพิพาทได้จอดที่เกาะสีชังและมีการขนถ่ายสินค้าลงเรือฉลอมที่เกาะสีชังแล้วนำเข้ามาที่โรงพักสินค้าของบริษัทบุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด ส่วนจำเลยเป็นผู้ขนถ่ายสินค้าลงเรือฉลอมหรือไม่นั้น ข้อนี้โจทก์มีนายพุทธิพงษ์เบิกความยืนยันว่า จำเลยเป็นผู้ขนถ่ายสินค้าจากเรืออนานเจลไมท์ลงสู่เรือฉลอม และเมื่อบริษัทยูโรไทย-อินดัสเตรียลซัพพลาย จำกัด ผู้ซื้อมีหนังสือแจ้งให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายตามเอกสารหมาย จ.11 จำเลยก็รับจะรีบดำเนินการแจ้งให้บริษัทผู้ขนส่งในประเทศสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมันซึ่งเป็นตัวการพิจารณาตามหนังสือเอกสาร จ.13 แล้วจำเลยก็ได้มีหนังสือถึงบริษัทตัวการตามเอกสารหมาย จ.15 นอกจากนี้เมื่อโจทก์มีหนังสือแจ้งให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายตามเอกสารหมาย จ.22 จำเลยก็ได้มีหนังสือตอบตามเอกสารหมาย จ.23 ว่าขอให้โจทก์ยึดอายุการดำเนินคดีตามกฎหมายไปก่อน จำเลยมิได้ปฏิเสธความรับผิดสำหรับความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่สินค้าที่ขนส่งแต่อย่างใด ประกอบกับนายพิทักษ์พยานจำเลยเบิกความว่าเรืออนานเจลไมท์จะแล่นเข้ามาในแม่น้ำเจ้าพระยาไม่ได้จึงต้องขนถ่ายสินค้าที่เกาะสีชังและจำเลยเป็นผู้ติดต่อกับกรมศุลกากรและกองตรวจคนเข้าเมือง ทั้งจำเลยรับในคำให้การว่าจำเลยเป็นตัวแทนบริษัทผู้ขนส่งคงนำสืบปฏิเสธลอย ๆ ว่ามิได้เกี่ยวข้องกับการขนถ่ายสินค้าเท่านั้น พยานหลักฐานโจทก์จึงมีน้ำหนักยิ่งกว่าพยานหลักฐานจำเลยฟังได้ว่า นอกจากจำเลยจะปฏิบัติหน้าที่ทางเอกสารที่เกี่ยวข้องกับหน่วยราชการต่าง ๆ แทนบริษัทผู้ขนส่งที่อยู่ต่างประเทศแล้ว จำเลยยังเป็นผู้จัดการในการขนถ่ายสินค้าจากเกาะสีชังลงเรือฉลอมแล้วนำเข้ามาที่โรงพักสินค้าของบริษัทบุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด เพื่อส่งมอบให้บริษัทยูโรไทยอินดัสเตรียลซัพพลาย จำกัด ผู้ซื้อสินค้าซึ่งเป็นผู้รับตราส่งอีกด้วย เข้าลักษณะร่วมขนส่งเพื่อให้สินค้าถึงมือผู้ซื้อในการขนส่งช่วงสุดท้าย จำเลยจึงเป็นผู้ขนส่งทอดสุดท้ายซึ่งต้องร่วมรับผิดในความเสียหายของสินค้าด้วย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 618 ซึ่งเป็นบทกฎหมายที่ใกล้เคียงอย่างยิ่งกับการรับขนของทางทะเลในขณะเกิดข้อพิพาททั้งนี้ไม่ว่าความเสียหายจะเกิดขึ้นตอนใดในระหว่างการขนส่งและจำเลยจะได้เป็นผู้ทำให้เกิดความเสียหายนั้นหรือไม่ ศาลล่างทั้งสองพิพากษามาชอบแล้ว”
พิพากษายืน