คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5400/2537

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องเรียกที่ดินคืนจากจำเลยทั้งสองโดยอ้างว่าโจทก์มอบที่ดินให้จำเลยทั้งสองทำกินต่างดอกเบี้ย จำเลยทั้งสองให้การต่อสู้ว่า โจทก์ขายที่พิพาทให้จำเลยทั้งสองแล้ว ถือว่าจำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธโดยมิได้ตั้งประเด็นขึ้นมาใหม่เพราะข้อเท็จจริงที่ว่าโจทก์ขายที่ดินให้จำเลยทั้งสองแล้วนั้นเป็นเพียงเหตุผลของการปฏิเสธ โจทก์ต้องมีหน้าที่นำสืบข้อเท็จจริงเพื่อสนับสนุนข้ออ้างตามคำฟ้องของโจทก์ที่ว่า โจทก์มอบที่พิพาทให้จำเลยทั้งสองทำกินต่างดอกเบี้ย ไม่ใช่เป็นหน้าที่ของจำเลยทั้งสองที่จะต้องนำสืบพิสูจน์ว่าลายมือผู้ขายในสัญญาขายที่พิพาทเป็นของโจทก์

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ยืมเงินจำเลยทั้งสองมา 30,000 บาท โดยมอบที่นาให้จำเลยทั้งสองทำกินต่างดอกเบี้ย ขอให้บังคับจำเลยทั้งสองรับเงิน 30,000 บาท จากโจทก์ และมอบที่นาคืนแก่โจทก์ ห้ามจำเลยทั้งสองและบริวารเข้าเกี่ยวข้องเพิกถอนนิติกรรมขายที่ดินที่จำเลยทั้งสองอ้าง และให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายปีละ 10,000 บาท นับแต่ฤดูทำนาปี 2531
จำเลยทั้งสองให้การว่า โจทก์ได้ขายที่นาตามฟ้องให้จำเลยทั้งสองแล้วในราคา 30,000 บาท โดยจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่เมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2523 ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว คดีมีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาโจทก์ว่า หนังสือสัญญาขายที่ดินตามเอกสารหมาย ล.1 โจทก์ปฏิเสธว่าลายมือชื่อของผู้ขายมิใช่ลายมือชื่อของโจทก์ เป็นหน้าที่ของจำเลยทั้งสองที่จะต้องพิสูจน์ว่าเป็นลายมือชื่อของโจทก์นั้นเห็นว่า คดีนี้โจทก์ฟ้องเรียกที่ดินคืนจากจำเลยทั้งสองโดยอ้างว่าโจทก์มอบที่ดินให้จำเลยทั้งสองทำกินต่างดอกเบี้ย จำเลยทั้งสองให้การต่อสู้ว่า โจทก์ขายที่พิพาทให้จำเลยทั้งสองแล้ว ถือว่าจำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธโดยมิได้ตั้งประเด็นขึ้นมาใหม่ เพราะข้อเท็จจริงที่ว่าโจทก์ขายที่ดินให้จำเลยทั้งสองแล้วนั้น เป็นเพียงเหตุผลของการปฏิเสธเท่านั้น โจทก์ต้องมีหน้าที่นำสืบข้อเท็จจริงเพื่อสนับสนุนข้ออ้างตามคำฟ้องของโจทก์ที่ว่า โจทก์มอบที่พิพาทให้จำเลยทั้งสองทำกินต่างดอกเบี้ย หาใช่เป็นหน้าที่ของจำเลยทั้งสองดังที่โจทก์ฎีกาไม่
พิพากษายืน

Share