คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4811/2537

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์มีสิทธิครอบครองที่ดินพิพาทโดยโจทก์ได้ครอบครองทำประโยชน์ในที่ดินพิพาทตลอดมาตั้งแต่ปี 2503 สามีจำเลยไปแจ้งความเท็จต่อเจ้าพนักงานที่ดินให้ออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3) สำหรับที่ดินพิพาทในชื่อของสามีจำเลยในปี 2515ขอให้พิพากษาว่าโจทก์มีสิทธิครอบครองที่ดินพิพาท ห้ามจำเลยและบริวารเกี่ยวข้องกับที่ดินพิพาทต่อไป และขอให้เพิกถอนหนังสือรับรองการทำประโยชน์ที่ดินพิพาท ดังนี้ แม้โจทก์ฟ้องจำเลยหลังจากสามีจำเลยตายเกิน 1 ปี ฟ้องของโจทก์ก็ไม่ขาดอายุความ เพราะไม่เป็นคดีมรดกหรือคดีที่เจ้าหนี้ขอบังคับตามสิทธิเรียกร้องอันมีต่อเจ้ามรดก จะนำอายุความตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1754 มาใช้ไม่ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องว่า ที่พิพาทเป็นของโจทก์ได้มาโดยนายบึ้ง และนางกองซึ่งเป็นสามีภริยากันยกให้เมื่อ พ.ศ. 2503หลังจากนั้นโจทก์ได้เข้าครอบครองทำประโยชน์ในที่ดินพิพาทโดยสงบโดยเปิดเผย ด้วยเจตนาเป็นเจ้าของตลอดมาโดยไม่มีผู้ใดโต้แย้งจนถึงปัจจุบันเป็นเวลา 27 ปีเศษแล้ว ต่อมาประมาณต้นปี 2515นายสิงห์สามีจำเลยแจ้งความเท็จต่อเจ้าพนักงานที่ดินอำเภอเมืองขอนแก่น ให้ออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3) ที่ดินพิพาทในชื่อของนายสิงห์ เจ้าพนักงานที่ดินหลงเชื่อออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3) เลขที่ 260 ให้นายสิงห์เมื่อวันที่10 เมษายน 2515 ต่อมาวันที่ 21 กันยายน 2521 นายสิงห์ถึงแก่ความตาย จำเลยยื่นเรื่องราวขอรับโอนมรดกที่ดินพิพาทจากนายสิงห์ต่อเจ้าพนักงานที่ดินอำเภอเมืองขอนแก่น เป็นการโต้แย้งสิทธิของโจทก์ขอให้พิพากษาว่าโจทก์ได้สิทธิครอบครองที่ดินพิพาทเนื้อที่ 2 งาน 60 ตารางวาอันเป็นที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3) เลขที่ 260 หมู่ที่ 6 (11) ตำบลท่าพระ (ดอนหัน)อำเภอเมืองขอนแก่น จังหวัดขอนแก่น ห้ามจำเลยและบริวารเกี่ยวข้องกับที่ดินพิพาทต่อไป และให้เพิกถอนหนังสือรับรองการทำประโยชน์(น.ส.3) เลขที่ 260 หมู่ที่ 6 (11) ตำบลท่าพระ (ดอนหัน)อำเภอเมืองขอนแก่น จังหวัดขอนแก่น
จำเลยให้การว่าในขณะออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3)เลขที่ 260 นายสิงห์เป็นเจ้าของผู้มีสิทธิครอบครองที่ดินนั้นตามกฎหมาย และหลังจากทางราชการออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ให้แล้วนายสิงห์และจำเลยได้ร่วมกันครอบครองทำประโยชน์ในที่ดินนั้นอย่างเป็นเจ้าของตลอดมาครั้งหลังจากนายสิงห์ถึงแก่ความตายแล้วจำเลยก็ได้เข้าครอบครองและทำประโยชน์จนกระทั่งปัจจุบัน การขอออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ที่ดินดังกล่าวได้ดำเนินการตามหลักเกณฑ์และวิธีการตามที่ประมวลกฎหมายที่ดินบัญญัติไว้ทุกประการ โจทก์ไม่เคยครอบครองที่ดินพิพาท นายบึ้งและนางกองไม่มีอำนาจยกที่ดินพิพาทให้โจทก์เมื่อปี 2503 เพราะนางสิงห์ได้ครอบครองที่ดินพิพาทมาก่อนออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์แล้วประมาณ 30 ปีฟ้องของโจทก์ขาดอายุความ เพราะโจทก์ฟ้องคดีเกิน 1 ปี นับแต่นายสิงห์ออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ และหลังจากนายสิงห์ถึงแก่ความตาย ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษากลับว่า โจทก์เป็นผู้มีสิทธิครอบครองที่ดินพิพาทตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3) เลขที่ 260หมู่ที่ 6(11) ตำบลท่าพระ (ดอนหัน) อำเภอเมืองขอนแก่น จังหวัดขอนแก่น เนื้อที่ 2 งาน 60 ตารางวา ห้ามจำเลยและบริวารเกี่ยวข้องและให้เพิกถอนหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3) ดังกล่าวเสีย
จำเลยฎีกา โดยผู้พิพากษาที่ได้นั่งพิจารณาคดีในศาลชั้นต้นรับรองว่ามีเหตุสมควรที่จะฎีกาในข้อเท็จจริงได้
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีมีปัญหาข้อกฎหมายต้องวินิจฉัยต่อไปตามฎีกาของจำเลยว่า ฟ้องของโจทก์ขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1754 หรือไม่ ในปัญหานี้ เห็นว่าอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1754 เป็นอายุความในการฟ้องคดีมรดกหรือคดีที่เจ้าหนี้ขอบังคับตามสิทธิเรียกร้องอันมีต่อเจ้ามรดก คดีนี้เป็นคดีที่โจทก์ฟ้องว่าโจทก์มีสิทธิครอบครองที่ดินพิพาทโดยโจทก์ได้ครอบครองทำประโยชน์ในที่ดินพิพาทตลอดมาตั้งแต่ปี 2503 สามีจำเลยไปแจ้งความเท็จต่อเจ้าพนักงานที่ดินให้ออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3) สำหรับที่ดินพิพาทในชื่อของสามีจำเลยในปี 2515 ขอให้พิพากษาว่าโจทก์มีสิทธิครอบครองที่ดินพิพาท ห้ามจำเลยและบริวารเกี่ยวข้องกับที่ดินพิพาทต่อไป และขอให้เพิกถอนหนังสือรับรองการทำประโยชน์ที่ดินพิพาท ดังนั้นแม้โจทก์ฟ้องจำเลยหลังจากสามีจำเลยตายเกิน 1 ปี ฟ้องของโจทก์ก็ไม่ขาดอายุความเพราะคดีนี้ไม่เป็นคดีมรดกหรือคดีที่เจ้าหนี้ขอบังคับตามสิทธิเรียกร้องอันมีต่อเจ้ามรดก จะนำอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1754 มาใช้แก่คดีนี้ไม่ได้ฎีกาของจำเลยข้อนี้ฟังไม่ขึ้นเช่นกัน”
พิพากษายืน

Share