แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์และจำเลยมีนิติสัมพันธ์กันจากการเล่นแชร์เพียงอย่างเดียว ย่อมไม่ทำให้จำเลยสับสนว่าหนี้ที่โจทก์กล่าวในฟ้องเป็นเรื่องอื่น นอกจากนี้แชร์ที่โจทก์กับจำเลยร่วมกันเล่นมี 2 วง วงแชร์ที่โจทก์บรรยายในฟ้องวงแรกมีจำเลยเป็นนายวงแชร์และจำเลยค้างชำระเงินให้แก่โจทก์ผู้ประมูลได้จำนวน 21,000 บาทส่วนวงแชร์ที่โจทก์บรรยายในฟ้องตอนหลังมีโจทก์เป็นผู้เรียกเก็บเงินค่าแชร์อันหมายถึงเป็นนายวงแชร์ ซึ่งจำเลยร่วมเล่นด้วยย่อมทราบดี แชร์วงที่สองนี้จำเลยค้างชำระเงินค่าแชร์โจทก์ 2 เดือน เดือนละ 2,000 บาท เป็นเงิน 4,000 บาท รวมเงินค่าแชร์ที่จำเลยค้างชำระให้แก่โจทก์ทั้งสิ้น 25,000 บาท คำฟ้องดังกล่าวแสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาและคำขอบังคับทั้งข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาพอที่จำเลยจะเข้าใจและต่อสู้คดีได้แล้วฟ้องโจทก์จึงไม่เคลือบคลุม
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยต้องรับผิดชำระเงินค่าแชร์ให้แก่โจทก์ขอให้บังคับจำเลยชำระเงินแก่โจทก์ 25,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยให้การว่า ที่โจทก์เรียกเงินจำนวน 4,000 บาท อ้างว่าโจทก์เป็นผู้เรียกเก็บเงินแชร์เป็นรายเดือน เดือนละ 2,000 บาทเป็นเวลา 2 เดือนนั้น จำเลยไม่เข้าใจ จึงเป็นฟ้องเคลือบคลุมจำเลยไม่ได้เล่นแชร์กับโจทก์ นางยุพิน เธียรศรีเจริญ มารดาจำเลยเป็นนายวงแชร์พิพาท โดยใช้ชื่อว่าร้านอาหารอมร จำนวนเงินที่โจทก์จะได้รับเมื่อประมูลแชร์แล้วเป็นเงินเพียง 18,516 บาทเท่านั้น ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินแก่โจทก์จำนวน 25,000 บาทพร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า โจทก์บรรยายฟ้องใจความว่า จำเลยเป็นนายวงแชร์ มีหน้าที่เก็บรวบรวมเงินค่าแชร์จากลูกวงมาชำระให้แก่ผู้ประมูลได้ ส่วนโจทก์กับบุคคลอื่นรวม 20 คน เป็นลูกวงซึ่งทุกคนจะต้องส่งค่าแชร์งวดละ 1,000 บาท เดือนหนึ่งกำหนดประมูล 2 งวด ทุกวันที่ 1 และ 15 ของเดือน เริ่มตั้งแต่เดือนมกราคม 2531 เป็นต้นไป ต่อมาในงวดเดือนกรกฎาคม 2531 โจทก์เป็นผู้ประมูลได้ และจำเลยจะต้องเก็บรวบรวมค่าแชร์จากลูกวงมาชำระให้แก่โจทก์เป็นเงิน 21,000 บาท แต่จำเลยไม่ชำระให้และจำเลยจะต้องชำระเงินให้แก่โจทก์ซึ่งโจทก์เป็นผู้เรียกเก็บเงินแชร์อีกรายเดือนละ 2,000 บาท รวม 2 เดือน เป็นเงิน 4,000 บาทรวมเงินที่จำเลยจะต้องชำระให้แก่โจทก์จำนวน 25,000 บาท คำฟ้องดังกล่าวเห็นได้ว่า โจทก์และจำเลยมีนิติสัมพันธ์กันจากการเล่นแชร์เพียงอย่างเดียว จึงไม่ทำให้จำเลยสับสนว่าหนี้ที่โจทก์กล่าวในฟ้องเป็นเรื่องอื่น และแชร์ที่โจทก์กับจำเลยเล่นมี 2 วงวงแชร์ที่โจทก์บรรยายในฟ้องวงแรกมีจำเลยเป็นนายวงและจำเลยค้างชำระเงินให้แก่โจทก์ผู้ประมูลได้จำนวน 21,000 บาท ส่วนวงแชร์ที่โจทก์บรรยายในฟ้องตอนหลังมีโจทก์เป็นผู้เรียกเก็บเงินค่าแชร์ อันหมายถึงเป็นนายวงแชร์นั่นเอง ซึ่งจำเลยผู้ร่วมเล่นย่อมทราบดี แชร์วงที่สองนี้จำเลยค้างชำระให้แก่โจทก์ 2 เดือนเดือนละ 2,000 บาท รวมเป็นเงิน 4,000 บาท รวมเงินค่าแชร์ที่จำเลยค้างชำระให้แก่โจทก์ทั้งสิ้นเป็นจำนวน 25,000 บาท คำฟ้องดังกล่าวแสดงโดยชัดแจ้งซึ่งสภาพแห่งข้อหาและคำขอบังคับทั้งข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหา พอที่จำเลยจะเข้าใจและต่อสู้คดีได้แล้ว จึงไม่เคลือบคลุม
พิพากษายืน