คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3020/2537

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์จดทะเบียนยกที่ดินให้จำเลยโดยเสน่หาจำเลยให้การว่ามิใช่การให้โดยเสน่หา แต่เป็นการให้โดยมีค่าตอบแทน ทั้งมีค่าภารติดพันในที่ดินพิพาท โดยจำเลยตกลงกันให้โจทก์เก็บค่าเช่าในที่ดินจนกว่าโจทก์จะถึงแก่กรรม และเมื่อโจทก์ถึงแก่กรรม จำเลยจะออกค่าทำศพให้ เท่ากับจำเลยต่อสู้ว่าการยกให้ที่ดินรายนี้ เป็นการให้ทั้งมีค่าภารติดพันและเป็นบำเหน็จสินจ้างโดยแท้ ฉะนั้นแม้ศาลชั้นต้นจะกำหนดประเด็นข้อพิพาทว่า การให้ตามฟ้องเป็นการให้โดยมีค่าภารติดพันหรือไม่ศาลอุทธรณ์ภาค 2 ก็มีอำนาจวินิจฉัยว่าการให้ของโจทก์มิใช่เป็นการให้โดยมีค่าภารติดพัน แต่เป็นการให้เพื่อเป็นบำเหน็จสินจ้างโดยแท้ ไม่ได้เป็นการวินิจฉัยนอกฟ้องนอกคำให้การแต่อย่างใด

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์จดทะเบียนยกให้ที่ดินโฉนดเลขที่ 16235แก่โจทก์โดยเสน่หา ไม่มีค่าตอบแทนหรือภารติดพันในที่ดินโดยมีข้อตกลงว่าให้โจทก์มีสิทธิเก็บกินในที่ดินด้วยการให้ผู้อื่นเช่า เพื่อเก็บค่าเช่าที่ดินเลี้ยงชีพจนตลอดชีวิต ต่อมาโจทก์ป่วยไม่มีเงินรักษา จึงขอเงินจากจำเลยแต่จำเลยไม่ให้และไม่ช่วยเหลือค่ารักษาพยาบาล ทั้งด่าโจทก์อย่างรุนแรงอันเป็นการประพฤติเนรคุณ ขอให้เพิกถอนการให้ที่ดินโฉนดเลขที่ 1635 และพิพากษากลับเป็นของโจทก์ห้ามจำเลยเกี่ยวข้อง
จำเลยให้การว่า โจทก์จดทะเบียนยกให้ที่ดินแก่จำเลยเป็นการให้ที่มีค่าตอบแทน ทั้งมีค่าภารติดพัน โดยจำเลยตกลงให้โจทก์เก็บค่าเช่าที่ดินจนกว่าโจทก์จะถึงแก่กรรม และเมื่อโจทก์ถึงแก่กรรม จำเลยจะทำศพให้ จำเลยได้รักษาพยาบาลเลี้ยงดูโจทก์ไม่เคยด่าว่าหมิ่นประมาทโจทก์หรือทำให้โจทก์เสียชื่อเสียงขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 วินิจฉัยว่า การยกให้ที่ดินพิพาทแก่จำเลยเป็นการให้เพื่อเป็นบำเหน็จสินจ้างโดยแท้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 535(1) จึงถอนคืนการให้ไม่ได้ พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ปัญหาตามฎีกาโจทก์มีเพียงว่าที่ศาลอุทธรณ์ภาค 2 วินิจฉัยว่าการยกให้ที่ดินพิพาทแก่จำเลยเป็นการให้เพื่อเป็นบำเหน็จสินจ้างโดยแท้นั้น เป็นการวินิจฉัยชี้ขาดคดีนอกคำฟ้องคำให้การหรือไม่ เห็นว่า ฟ้องโจทก์อ้างว่าโจทก์จดทะเบียนยกที่ดินพิพาทให้จำเลยโดยเสน่หา จำเลยให้การว่ามิใช่การให้โดยเสน่หา แต่เป็นการให้โดยมีค่าตอบแทนทั้งมีค่าภารติดพันในที่ดินพิพาท โดยโจทก์กับจำเลยตกลงกันว่า จำเลยให้โจทก์เก็บค่าเช่าในที่ดินดังกล่าวจนกว่าโจทก์จะถึงแก่กรรม และเมื่อโจทก์ถึงแก่กรรม จำเลยก็จะออกค่าทำศพให้ เท่ากับจำเลยต่อสู้ว่าการยกให้ที่ดินรายนี้ เป็นการให้ทั้งมีค่าภารติดพันและเป็นบำเหน็จสินจ้างโดยแท้ ฉะนั้นแม้ศาลชั้นต้นจะกำหนดประเด็นข้อพิพาทว่าการให้ตามฟ้องเป็นการให้โดยมีค่าภารติดพันหรือไม่ ศาลอุทธรณ์ภาค 2ก็มีอำนาจวินิจฉัยว่าการให้ของโจทก์มิใช่เป็นการให้โดยมีค่าภารติดพัน แต่เป็นการให้เพื่อเป็นบำเหน็จสินจ้างโดยแท้คำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์ภาค 2 ดังกล่าวไม่ได้เป็นการวินิจฉัยนอกคำฟ้องคำให้การดังโจทก์ฎีกาแต่อย่างใด ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน

Share