คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2341/2537

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

การกล่าวอ้างว่าจำเลยซึ่งเป็นผู้รับบอกปัดไม่ยอมให้สิ่งของจำเป็นเลี้ยงชีวิตแก่โจทก์ซึ่งเป็นผู้ให้และเป็นผู้ยากไร้เมื่อจำเลยสามารถจะให้ได้นั้น เป็นกรณีที่โจทก์ขอสิ่งจำเป็นเลี้ยงชีวิตต่อจำเลยแล้ว จำเลยบอกปัดไม่ยอมให้และเป็นหน้าที่ของโจทก์จะต้องนำสืบ มิใช่เป็นกรณีที่จำเลยมิได้นำสืบและอุทธรณ์ในข้อนี้แสดงว่าจำเลยยอมรับ และมิใช่หน้าที่ศีลธรรมอันดีของผู้รับการให้จะพึงปฏิบัติต่อผู้ให้ด้วยการให้สิ่งตอบแทนแก่ผู้ให้ตามวิสัยแต่อย่างใดดังนั้น การที่โจทก์แยกไปอยู่กับ ซ. แล้วจำเลยไม่ตามไปเลี้ยงดูโจทก์ จะฟังว่าจำเลยแสดงเจตนาบอกปัดไม่ยอมเลี้ยงดูให้สิ่งของจำเป็นแก่โจทก์ในเวลาที่โจทก์ยากไร้ และจำเลยสามารถให้ได้อันเป็นการประพฤติเนรคุณที่จะเรียกถอนคืนการให้หาได้ไม่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ศาลพิพากษาว่าการกระทำของจำเลยเป็นการประพฤติเนรคุณโจทก์ และบังคับให้จำเลยคืนที่ดินพิพาทและไปทำนิติกรรมโอนคืนที่ดินพิพาทตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.)เลขที่ 4094 ตามฟ้องให้แก่โจทก์ หากจำเลยไม่ปฏิบัติตาม ให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลย
จำเลยให้การว่า จำเลยไม่เคยประพฤติเนรคุณต่อโจทก์ โจทก์ไม่สมัครใจจะอยู่กินฉันสามีภรรยากับนางหลอด โลมาศ และได้ไปอยู่กับนายรัตน์ นางซุน ศรีมะณี หลานสาวของโจทก์ หลานสาวของโจทก์ได้ยุแหย่ให้โจทก์มาขอที่ดินพิพาทคืนจากจำเลย จำเลยไม่ได้ขับไล่โจทก์ออกจากบ้านของนางหลอดตามฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษาให้จำเลยคืนที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.) เลขที่ 4094 ตำบลปราสาทเยออำเภอไพรบึง จังหวัดศรีสะเกษ ตามฟ้องแก่โจทก์และให้ไปทำนิติกรรมโอนที่ดินดังกล่าวคืนโจทก์ หากไม่ปฏิบัติตามให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลย
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา โดยผู้พิพากษาที่ได้นั่งพิจารณาคดีในศาลชั้นต้นได้รับรองไว้ว่า มีเหตุสมควรที่จะฎีกาในข้อเท็จจริงได้
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงฟังได้ในเบื้องต้นว่า เมื่อวันที่ 25 ธันวาคม 2527 โจทก์ยกที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.) เลขที่ 4094 ตำบลประสาทเยออำเภอไพรบึง จังหวัดศรีสะเกษ เนื้อที่ 7 ไร่ 16 ตารางวาตามเอกสารหมาย จ.1 ให้แก่จำเลย ปรากฏตามสัญญาให้เอกสารหมาย จ.2ต่อมาโจทก์ได้ไปอาศัยอยู่กับนางซุน ศรีมะณี หลานของโจทก์มีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า โจทก์จะเรียกถอนคืนการให้เพราะเหตุจำเลยผู้รับประพฤติเนรคุณตามฟ้องได้หรือไม่ สำหรับประเด็นที่ว่าจำเลยหมิ่นประมาทโจทก์หรือไม่นั้น ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยมิได้หมิ่นประมาทโจทก์ผู้ให้อย่างร้ายแรงดังที่โจทก์กล่าวอ้าง
สำหรับประเด็นที่ว่า จำเลยได้บอกปัดไม่ยอมให้สิ่งของจำเป็นเลี้ยงชีวิตแก่โจทก์ผู้ให้ในเวลาที่โจทก์ยากไร้ และจำเลยสามารถจะให้ได้นั้น ศาลฎีกาเห็นว่าแม้โจทก์จะมีอายุมากแล้วไม่สามารถประกอบอาชีพเลี้ยงตนเองได้ โจทก์จึงเป็นผู้ยากไร้ก็ตาม แต่การที่จะกล่าวอ้างว่าจำเลยบอกปัดไม่ยอมให้สิ่งของจำเป็นเลี้ยงชีวิตแก่โจทก์ เมื่อจำเลยสามารถจะให้ได้นั้น เป็นกรณีที่โจทก์ขอสิ่งจำเป็นเลี้ยงชีวิตต่อจำเลยแล้วจำเลยบอกปัดไม่ยอมให้และเป็นหน้าที่ของโจทก์จะต้องนำสืบความข้อนี้ หาใช่เป็นกรณีที่จำเลยมิได้นำสืบและอุทธรณ์ในข้อนี้ย่อมแสดงว่า จำเลยยอมรับ และมิใช่หน้าที่ศีลธรรมอันดีของผู้รับการให้จะพึงปฏิบัติต่อผู้ให้ด้วยการให้สิ่งตอบแทนแก่ผู้ให้ตามวิสัยดังที่โจทก์ฎีกาไม่ ดังนั้นการที่โจทก์แยกไปอยู่กับนางซุนแล้วจำเลยไม่ตามไปเลี้ยงดูโจทก์จะฟังว่าจำเลยแสดงเจตนาบอกปัดไม่ยอมเลี้ยงดูให้สิ่งของจำเป็นแก่โจทก์ในเวลาที่โจทก์ยากไร้และจำเลยสามารถให้ได้อันเป็นการประพฤติเนรคุณดังฎีกาโจทก์ไม่ ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษามานั้นศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share