แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องขอให้ ศาลพิพากษาว่าที่ดินพิพาทเป็นของโจทก์ ให้เพิกถอนชื่อจำเลยออกจากทะเบียนกรรมสิทธิ์แล้วใส่ชื่อโจทก์แทนผู้ร้องสอดอ้างว่าที่ดินพิพาทเป็นของจำเลย ผู้ร้องสอดเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษา และได้ขอให้ศาลยึดที่ดินพิพาทไว้แล้ว ผู้ร้องสอดจึงมีแต่เพียงสิทธิจะบังคับคดีเอาทรัพย์ส่วนของลูกหนี้ในคดีดังกล่าวชำระหนี้ตามคำพิพากษาเท่านั้น หาได้มีสิทธิจะบังคับเอากับที่ดินพิพาทโดยตรงได้ เมื่อผู้ร้องสอดนำยึดที่ดินพิพาทไว้แล้วโดยโจทก์ซึ่งอ้างว่าเป็นเจ้าของที่ดินพิพาทมิได้ใช้สิทธิร้องขัดทรัพย์ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 288 ผู้ร้องสอดย่อมสามารถดำเนินการบังคับคดีของตนต่อไปได้โดยไม่มีความจำเป็นอย่างใด ที่จะมาร้องสอดเข้ามาในคดีนี้ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 57(1).
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้มีคำสั่งแสดงว่าที่ดินโฉนดเลขที่ 4854 และ 4855ตำบลท่าพริก อำเภอเมืองตราด จังหวัดตราด เป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์และมีหนังสือถึงเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดตราดให้แก่ทะเบียนผู้ถือกรรมสิทธิ์โดยใส่ชื่อโจทก์แทนจำเลยในโฉนดดังกล่าว
จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา
ศาลชั้นต้นนัดสืบพยานโจทก์ฝ่ายเดียวในวันที่ 22 มิถุนายน 2530เวลา 8.30 นาฬิกา
วันที่ 18 มิถุนายน 2530 ผู้ร้องสอดยื่นคำร้องสอดว่าผู้ร้องเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาของจำเลยในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 8315/2528ของศาลแพ่ง และได้นำยึดที่ดินแปลงโฉนดเลขที่ 4854, 4855 ตำบลท่าพริกอำเภอเมืองตราด จังหวัดตราด ไว้แล้ว อยู่ในระหว่างจะนำออกขายทอดตลาด ที่ดินดังกล่าวเป็นของจำเลย จำเลยไม่มีทรัพย์สินอื่นใดนอกจากนี้ ฟ้องของโจทก์ไม่เป็นความจริง และทำให้ผู้ร้องไม่สามารถที่จะบังคับชำระหนี้เอาจากที่ดินโฉนดเลขที่ 4854 และ 4855 ซึ่งจำเลยเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์แต่เพียงผู้เดียวได้ขอให้ศาลมีคำสั่งอนุญาตให้ผู้ร้องเข้ามาเป็นคู่ความฝ่ายที่สามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 57(1) และให้ผู้ร้องยื่นคำให้การแก้ฟ้องโจทก์ภายใน 15 วัน
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า ผู้ร้องเป็นเพียงเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาของจำเลย ไม่ใช่กรณีมีสิทธิเรียกร้องเกี่ยวเนื่องด้วยการบังคับตามคำพิพากษาคดีนี้โดยตรง จึงไม่อนุญาตให้ยกคำร้อง ค่าคำร้องเป็นพับ
ในวันเดียวกัน ผู้ร้องได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นงดการพิจารณาคดีไว้ก่อนหรือเลื่อนการพิจารณาคดีออกไปเพื่อรอฟังคำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลอุทธรณ์ เนื่องจากผู้ร้องจะอุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นต่อศาลอุทธรณ์
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า ศาลมีคำสั่งไม่อนุญาตให้เข้าเป็นผู้ร้องสอด จึงไม่มีเหตุที่จะงดหรือเลื่อนการพิจารณาคดี ให้ยกคำร้องค่าคำร้องเป็นพับ และทำการสืบพยานโจทก์ไปฝ่ายเดียว แล้วพิพากษาว่าที่ดินตามโฉนดเลขที่ 4854 และ 4855 ตำบลท่าพริก อำเภอเมืองตราดจังหวัดตราด เป็นของโจทก์ ให้จำเลยเพิกถอนชื่อออกจากโฉนดทั้งสองแปลง หากไม่ปฏิบัติตามให้ถือคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนา คำขออื่นให้ยก
ผู้ร้องอุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นที่ไม่รับคำร้องสอดและคำสั่งไม่อนุญาตให้งดหรือเลื่อนการพิจารณาคดี
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกคำสั่งไม่รับคำร้องสอด คำสั่งไม่อนุญาตให้งดหรือเลื่อนการพิจารณาคดี และคำพิพากษาของศาลชั้นต้นให้ศาลชั้นต้นรับคำร้องสอดของผู้ร้องไว้และดำเนินกระบวนพิจารณาคดีต่อไป แล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดี ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสองศาลในชั้นนี้ให้ศาลชั้นต้นรวมสั่งเมื่อมีคำพิพากษาหรือคำสั่งใหม่ ส่วนคำขอยื่นคำให้การแก้คดีนั้นให้ยก
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยในชั้นนี้มีว่าผู้ร้องมีสิทธิร้องสอดเข้าเป็นคู่ความตามที่ขอหรือไม่ พิเคราะห์แล้วเห็นว่าคดีนี้โจทก์ฟ้องขอให้ศาลพิพากษาว่าที่ดินโฉนดเลขที่4854 และ 4855 ตำบลท่าพริก อำเภอเมืองตราด จังหวัดตราด เป็นของโจทก์ให้เพิกถอนชื่อจำเลยออกจากทะเบียนกรรมสิทธิ์ แล้วใส่ชื่อโจทก์แทนในที่ดินพิพาททั้งสองโฉนด ผู้ร้องอ้างว่า ที่ดินทั้งสองแปลงเป็นของจำเลยแต่เพียงผู้เดียว ผู้ร้องสอดเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาของจำเลยตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้นคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 8315/2528และได้ขอให้ศาลชั้นต้นยึดที่ดินทั้งสองแปลงนี้ไว้แล้ว ผู้ร้องจึงมีแต่เพียงสิทธิที่จะบังคับคดีเอาจากทรัพย์ส่วนของลูกหนี้ในคดีดังกล่าวเพื่อให้ได้รับชำระหนี้ตามคำพิพากษาเท่านั้น หาได้มีสิทธิที่จะบังคับเอากับที่ดินพิพาทโดยตรงไม่ เมื่อผู้ร้องนำยึดที่ดินพิพาททั้งสองแปลงนี้ไว้แล้วโดยโจทก์ซึ่งอ้างว่าเป็นเจ้าของที่ดินดังกล่าวมิใช้สิทธิร้องขัดทรัพย์ในคดีดังกล่าวตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 288 ผู้ร้องย่อมสามารถดำเนินการบังคับคดีของตนต่อไปได้ จึงไม่มีความจำเป็นแต่อย่างใดที่ผู้ร้องจะร้องสอดเข้ามาในคดีนี้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 57(1)…”
พิพากษากลับ ให้ยกคำร้องของผู้ร้องสอด และบังคับคดีไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น.