แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องว่าโจทก์สมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2535 แต่เมื่อวันที่ 19 มกราคม 2535จำเลยได้มอบเงินให้แก่วัดบ้านบัวบกสะดำ เพื่อจูงใจให้ผู้เลือกตั้งลงคะแนนเลือกตั้งให้แก่ตนหรืองดเว้นมิให้ลงคะแนนให้แก่ผู้สมัครอื่นทำให้โจทก์เสียหาย ดังนั้นขณะเกิดเหตุโจทก์ไม่มีฐานะเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้ง จึงไม่เป็นผู้เสียหายตามพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2522 มาตรา 93 จัตวาที่บัญญัติว่า ผู้สมัครหรือพรรคการเมืองซึ่งมีสมาชิกสมัครรับเลือกตั้งในเขตเลือกตั้งนั้นเป็นผู้เสียหาย โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 28(2)
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องว่า โจทก์และจำเลยทั้งสามต่างเป็นผู้สมัครเพื่อรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดศรีสะเกษในเขตเลือกตั้งที่ 3 โดยโจทก์สมัครในนามพรรคกิจสังคม ได้หมายเลข 1จำเลยทั้งสามสมัครในนามพรรคสามัคคีธรรมได้หมายเลข 19, 20 และ 21ตามลำดับ เมื่อวันที่ 19 มกราคม 2535 เวลากลางวัน ซึ่งเป็นวันเวลาที่อยู่ในระหว่างที่มีพระราชกฤษฎีกากำหนดให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรดังกล่าว จำเลยทั้งสามได้นำเงิน 15,600 บาทไปมอบให้แก่วัดบ้านบกสะดำ ซึ่งอยู่ในพื้นที่เขตเลือกตั้งที่ 3จังหวัดศรีสะเกษ พร้อมกับโฆษณาว่าจำเลยทั้งสามจะสมัครเพื่อรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในเขตเลือกตั้งที่ 3จังหวัดศรีสะเกษ อันเป็นการกระทำเพื่อจูงใจให้ผู้เลือกตั้งลงคะแนนเลือกตั้งให้แก่ตน หรืองดเว้นมิให้ลงคะแนนให้แก่ผู้สมัครอื่นทำให้โจทก์เสียหาย ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2522 มาตรา 35, 91, 93 จัตวา
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว เห็นว่าคดีไม่มีมูล พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน
โจทก์ฎีกาโดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “มีปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาโจทก์ว่าคดีโจทก์มีมูลหรือไม่ เห็นว่า พระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2522 มาตรา 93 จัตวา ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติ การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ฉบับที่ 3)พ.ศ. 2535 มาตรา 22 บัญญัติว่า “ในกรณีมีการกระทำความผิดตามพระราชบัญญัติ นี้ในเขตเลือกตั้งใด ให้ถือว่าผู้สมัครหรือพรรคการเมืองซึ่งมีสมาชิกสมัครรับเลือกตั้งในเขตเลือกตั้งนั้นเป็นผู้เสียหายตามกฎหมายว่าด้วยวิธีพิจารณาความอาญา” ตามคำฟ้องโจทก์เพิ่งสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเมื่อวันที่10 กุมภาพันธ์ 2535 แต่เหตุคดีนี้เกิดเมื่อวันที่ 19 มกราคม 2535ดังนั้นขณะเกิดเหตุโจทก์จึงไม่มีฐานะเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งจึงไม่เป็นผู้เสียหายตามความในบทบัญญัติดังกล่าว จึงไม่มีอำนาจฟ้องคดีนี้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 28(2) และปัญหาเกี่ยวกับอำนาจฟ้องคดีอาญาของโจทก์นี้ เป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้ไม่มีฝ่ายใดฎีกา ศาลฎีกาก็มีอำนาจหยิบยกขึ้นวินิจฉัยเองได้ ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษายกฟ้องมานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยในผลฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน