แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
การที่จำเลยสืบทราบว่าโจทก์มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับหญิงอื่นจึงเสพสุรา สูบบุหรี่ ทะเลาะวิวาท และติดตามควบคุมโจทก์ในวิทยาลัยที่โจทก์ทำงานอยู่นั้น แม้พฤติการณ์ของจำเลยจะก่อให้โจทก์เกิดความเบื่อหน่ายอับอายในหมู่เพื่อนอาจารย์และนักศึกษา แต่ก็เกิดจากความรักหึงหวงหวาดระแวงของจำเลยตามวิสัยสตรีเพศที่เป็นภริยาซึ่งอาจปรับปรุงตัวให้ดีขึ้นได้ถ้าโจทก์ไม่แสดงความรำคาญใจและฝักใฝ่ในสตรีอื่นให้ปรากฏ ทั้งจำเลยเองก็ไม่สมัครใจหย่าตัดความสัมพันธ์ฉันสามีภริยากับโจทก์ พฤติการณ์ดังกล่าวของจำเลยจึงยังไม่ถึงขั้นประพฤติชั่วที่เป็นเหตุให้โจทก์ได้รับความอับอายขายหน้าอย่างร้ายแรงหรือได้รับความดูถูกเกลียดชังเดือดร้อนเกินควร หรือทำการเป็นปฏิปักษ์ต่อการที่เป็นสามีภริยากันอย่างร้ายแรง โจทก์จึงยังไม่มีสิทธิฟ้องหย่าจำเลยได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์จำเลยเป็นสามีภริยากันโดยชอบด้วยกฎหมายระหว่างอยู่กินร่วมกันจำเลยหาเรื่องทะเลาะวิวาททุบตีโจทก์ทั้งที่บ้านและไปรบกวนโจทก์ที่ทำงาน เป็นเหตุให้โจทก์ได้รับความอับอายขายหน้าอย่างร้ายแรง ได้รับการดูถูกเกลียดชัง จำเลยบังคับขู่เข็ญให้โจทก์ลาออกจากงานที่ทำอยู่ ด่าบุพการีโจทก์อย่างหยาบคายหลายครั้งหลายหนตลอดมา และขับไล่โจทก์ออกจากบ้านไม่ให้อยู่กินฉันสามีภริยาจนโจทก์ต้องออกจากบ้านไปอยู่ที่อื่น การกระทำของจำเลยเป็นปฏิปักษ์อย่างร้ายแรงต่อการเป็นสามีภริยา โจทก์ได้บอกกล่าวให้จำเลยไปจดทะเบียนการหย่าหลายครั้งจำเลยเพิกเฉย ขอให้บังคับจำเลยไปจดทะเบียนหย่าขาดจากการเป็นสามีภริยากับโจทก์ หากไม่ไปขอให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลย
จำเลยให้การว่า จำเลยไม่เคยหาเรื่องทะเลาะวิวาทหรือทุบตีโจทก์ ไม่เคยบังคับขู่เข็ญให้โจทก์ลาออกจากงาน ไม่เคยด่าว่าบุพการีของโจทก์และไม่เคยทิ้งร้างโจทก์ โจทก์มีความสัมพันธ์กับหญิงอื่นและต้องการทอดทิ้งจำเลย โจทก์ไม่มีความประสงค์ที่จะอุปการะเลี้ยงดูจำเลยและบุตรตามหน้าที่ จึงหาเหตุฟ้องหย่าซึ่งไม่เป็นความจริงขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยหย่าขาดจากการเป็นสามีภริยากับโจทก์
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีมีปัญหาว่า จำเลยประพฤติชั่วเป็นเหตุให้โจทก์ซึ่งเป็นสามีได้รับความอับอายขายหน้าอย่างร้ายแรง หรือได้รับความดูถูกเกลียดชังหรือได้รับความเสียหาย ความเดือดร้อนเกินควร หรือทำร้ายจิตใจ เหยียดหยามต่อโจทก์ หรือทำการเป็นปฏิปักษ์ต่อการเป็นภริยาอย่างร้ายแรง ตามความในบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1516 หรือไม่ ได้ความจากโจทก์ว่า โจทก์จดทะเบียนสมรสกับจำเลยเมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม 2515 ตามสำเนาภาพถ่ายทะเบียนการสมรสเอกสารหมาย จ.1 หลังจากนั้น 3 วัน ได้เดินทางไปอยู่ด้วยกันที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ระหว่างนั้นจำเลยชอบดื่มสุราพูดจาไม่ดีและทำร้ายโจทก์โดยการข่วนและกัด เมื่อกลับมาอยู่ประเทศไทยจำเลยสูบบุหรี่และเสพสุราทุกวันแล้วจะดุด่าโจทก์ว่าไอ้ลูกหมาตัวเมีย ลูกไม่มีพ่อ พวกดูดเครื่องเพศ ทั้งเคยกล่าวดูถูกเหยียดหยามบุพการีโจทก์ จำเลยเคยทำร้ายร่างกายโจทก์หลายครั้งใช้มือทุบต้นคอใช้ที่เขี่ยบุหรี่ทุบปลายเท้าขวาของโจทก์จนแตก และเคยตบหน้าโจทก์อย่างแรง จำเลยชอบติดตามไปนั่งในห้องเรียนที่วิทยาลัยเอแบคซึ่งโจทก์เป็นอาจารย์สอนและตั้งคำถามที่ไม่สมควรต่อโจทก์ โจทก์ถูกรบกวนไม่สามารถทำงานทั้งที่วิทยาลัยและที่บ้านทำให้ขาดความเคารพนับถือจากเพื่อนและนักเรียน โจทก์ต้องการพาเด็กหญิงเจนจิราบุตรของโจทก์จำเลยไปอยู่ที่อื่น เห็นว่าข้อเท็จจริงที่โจทก์อ้างว่าจำเลยทำร้ายร่างกายโจทก์ หมิ่นประมาทหรือเหยียดหยามโจทก์และบุพการีโจทก์ โจทก์ไม่มีประจักษ์พยานเบิกความสนับสนุนคงมีแต่คำเบิกความของโจทก์ลอย ๆ ส่วนที่นายชวลิต หมื่นนุช พยานโจทก์อ้างว่าจำเลยเคยพูดด่าโจทก์ที่วิทยาลัยว่าไอ้หน้าตัวเมียนั้นนายชวลิตตอบคำถามค้านรับว่าเป็นเพียงได้ยินจากคำบอกเล่า ไม่มีน้ำหนักให้รับฟังได้ คงมีแต่ข้อเท็จจริงที่โจทก์อ้างว่าจำเลยชอบเสพสุรา สูบบุหรี่และมีพฤติการณ์ติดตามรบกวน ควบคุมตัวโจทก์ขณะสอนหนังสือที่วิทยาลัยเอแบค โดยโจทก์มีเด็กหญิงเจนจิราบุตรสาวและนายแสงชัย แซ่ลี้ กับนายเฟรดเดอร์ริค ลีแบร์ แอเยอร์ซึ่งเป็นนักศึกษาและรองอธิการบดีของวิทยาลัยดังกล่าวตามลำดับเบิกความสนับสนุน แต่ก็ได้ความจากเด็กหญิงเจนจิราว่าจำเลยชอบเสพสุราและสูบบุหรี่เฉพาะในบ้านกับในรถยนต์ และได้ความจากนายเฟรดเดอร์ริคตรงกับเด็กหญิงเจนจิราว่า จำเลยมีความเข้าใจว่าโจทก์มีความสัมพันธ์ทางชู้สาวกับหญิงอื่นในวิทยาลัยจึงเกิดความหึงหวง เมื่อคำนึงถึงประวัติของจำเลยที่มีบุตรอันเกิดจากสามีเดิม 2 คน สมรสอยู่กินกับโจทก์นานประมาณ 16 ปี ปัจจุบันจำเลยอายุ 45 ปี โจทก์จำเลยต่างมีภาระเลี้ยงดูบุตรและบุตรบุญธรรมรวม4 คน อาจเป็นเหตุให้โจทก์เกิดความเบื่อหน่ายจนต้องย้ายไปอยู่ที่อื่น และจำเลยนำสืบได้ว่าเมื่อประมาณ 3 ปีก่อนโจทก์ฟ้องคดีจำเลย ตรวจพบว่าโจทก์ได้สั่งจ่ายเช็คเอกสารหมาย ล.1 ให้นางรสรินคนฟิลิปปินส์กับเช็คเอกสารหมาย ล.4 ล.5 ซึ่งเป็นจำนวนเงินสูงให้นางสาวสุนันทาจากบัญชีเงินฝากของโจทก์จำเลยร่วมกัน โดยเฉพาะรายนางสาวสุนันทา มีหลักฐานภาพถ่ายหมาย ล.6 ถึง ล.9 แสดงถึงความใกล้ชิดสัมพันธ์กับโจทก์ ก็ย่อมทำให้จำเลยซึ่งอยู่ในภาวะเช่นนี้เกิดความหึงหวง คิดมากหวาดระแวง เสพสุรา สูบบุหรี่ ทะเลาะวิวาท ทั้งติดตามควบคุมโจทก์ในสถานที่ทำงาน เห็นว่า แม้พฤติการณ์ของจำเลยจะก่อให้โจทก์เกิดความเบื่อหน่ายอับอายในหมู่เพื่อนอาจารย์และนักศึกษา แต่ก็น่าจะเกิดจากความรักหึงหวงหวาดระแวงของจำเลยตามวิสัยสตรีเพศที่เป็นภริยาซึ่งอาจปรับปรุงตัวให้ดีขึ้นได้ ถ้าโจทก์ไม่แสดงความรำคาญใจและฝักใฝ่ในสตรีอื่นให้ปรากฏประกอบกับในชั้นนี้เมื่อจำเลยไม่สมัครใจแยกหย่าตัดความสัมพันธ์ฉันสามีภริยากับโจทก์ ปรากฏตามรายงานกระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้นลงวันที่ 22 กรกฎาคม 2531 และตามพยานหลักฐานโจทก์ข้อเท็จจริงก็ยังไม่ถึงขั้นที่จะกล่าวได้ว่าจำเลยประพฤติชั่วเป็นเหตุให้โจทก์ได้รับความอับอายขายหน้าอย่างร้ายแรง หรือได้รับความดูถูกเกลียดชังเดือดร้อนเกินควรหรือทำการเป็นปฏิปักษ์ต่อการที่เป็นสามีภริยากันอย่างร้ายแรงตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายเรื่องการฟ้องหย่า ดังนั้นที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์ ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน