แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
การฟ้องคดีตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์พ.ศ. 2530 มาตรา 26 วรรคแรก โจทก์ต้องบรรยายมาในคำฟ้องด้วยว่าค่าทดแทนที่ตนควรได้รับชำระมีจำนวนเท่าใด และคำขอท้ายฟ้องต้องเป็นเรื่องให้บังคับผู้มีอำนาจในการเวนคืนหรือควบคุมการเวนคืนชำระค่าทดแทนเพิ่มขึ้นจากที่รัฐมนตรีมีคำวินิจฉัย เมื่อคำฟ้องของโจทก์หาได้บรรยายถึงจำนวนค่าทดแทนที่โจทก์เห็นว่าตนเองพึงได้รับแต่ประการใดไม่ ทั้งคำขอท้ายฟ้องก็เพียงแต่ขอให้จำเลยดำเนินการให้เป็นไปตามบทกฎหมายที่โจทก์ยกขึ้นอ้างเท่านั้น คำฟ้องของโจทก์จึงขาดสาระสำคัญของการฟ้องคดีตามบทบัญญัติดังกล่าว ไม่มีทางที่ศาลจะพิพากษาให้จำเลยต้องรับผิดได้ และแม้โจทก์บรรยายฟ้องมาด้วยว่าการที่จำเลยในฐานะผู้วินิจฉัยอุทธรณ์มีคำวินิจฉัยไม่ถูกต้องเป็นการละเมิดต่อโจทก์ แต่โจทก์ก็มิได้มีคำขอให้บังคับจำเลยชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเพราะเหตุดังกล่าว ศาลจึงชอบที่จะมีคำสั่งไม่รับคำฟ้องของโจทก์
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยมีหน้าที่รักษาการให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยการทางพิเศษแห่งประเทศไทย จำเลยและผู้เกี่ยวข้องในฐานะเจ้าหน้าที่ตามกฎหมายว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. 2530ได้เวนคืนที่ดินและสิ่งปลูกสร้างตามโฉนดเลขที่ 87225 ถึง 87228,87250 ถึง 87253 และ 87713 เนื้อที่ 2 งาน 14 ตารางวา เมื่อถูกเวนคืนคงเหลือเนื้อที่ 89 ตารางวา พร้อมกับสิ่งปลูกสร้างคือบางส่วนของอาคารบ้านตึกสองชั้นเลขที่ 50/16/1 ซึ่งปลูกอยู่บนที่ดินโฉนดเลขที่ 87250, 87251 และ 87252 และรั้วคอนกรีตบล๊อกของโจทก์ เพื่อสร้างทางด่วนสายบางโคล่-แจ้งวัฒนะ จำเลยได้กำหนดค่าทดแทนเฉพาะที่ดินที่ถูกเวนคืนจำนวนเนื้อที่ 125 ตารางวาเพียงตารางวาละ 3,000 บาท เป็นเงิน 375,000 บาท ซึ่งเป็นราคาเดียวกับการประเมินทุนทรัพย์เพื่อเรียกเก็บค่าธรรมเนียมในการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์พ.ศ. 2530 มาตรา 21 วรรคหนึ่ง (3) โดยมิได้คำนึงถึงมาตรา21 วรรคหนึ่ง (1)(2)(4) และ (5) ต่อมาจำเลยในฐานะผู้วินิจฉัยอุทธรณ์ได้เพิ่มเงินค่าทดแทนให้โจทก์เป็นเงิน 250,000 บาท ซึ่งรวมกับของเดิมเป็นเงิน 625,000 บาท หรือคิดเป็นตารางวาละ 5,000 บาทซึ่งก็มิใช่เป็นราคาที่ซื้อขายกันตามปกติในท้องตลาดตามสภาพและที่ตั้งของที่ดิน ที่จะให้ความเป็นธรรมแก่โจทก์ในฐานะผู้ถูกเวนคืนและแก่สังคมตามพระราชบัญญัติดังกล่าว มาตรา 21 วรรคหนึ่ง การกระทำของจำเลยจึงเป็นการจงใจละเว้นการปฏิบัติการตามหน้าที่ตามกฎหมายทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายในเรื่องสิทธิเรียกร้อง และเป็นการละเมิดต่อโจทก์ตามมาตรา 422 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ขอให้บังคับจำเลยดำเนินการให้เป็นไปตามความในมาตรา 21 วรรคหนึ่งและวรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์พ.ศ. 2530
ชั้นตรวจคำฟ้องศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า ฟ้องของโจทก์เป็นการบรรยายในลักษณะที่จำเลยละเว้นไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย เนื่องจากจำเลยกำหนดความเสียหายเพียงบางส่วน ทำให้โจทก์ไม่ได้รับความเป็นธรรมในการกำหนดค่าทดแทนตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. 2530 แต่โจทก์มิได้เรียกร้องจำนวนเงินค่าทดแทนที่อ้างว่าเป็นความเสียหายมาด้วย ฟ้องโจทก์จึงขาดส่วนที่เป็นสาระสำคัญทั้งถือได้ว่าเป็นการหลีกเลี่ยงค่าธรรมเนียมศาลจึงไม่รับฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ตามคำฟ้องของโจทก์ที่บรรยายได้ความว่าการทางพิเศษแห่งประเทศไทยได้เวนคืนที่ดินและสิ่งปลูกสร้างของโจทก์โดยกำหนดค่าทดแทนเฉพาะที่ดินที่ถูกเวนคืนรวม 9 โฉนด เป็นจำนวนเนื้อที่ 125 ตารางวา ตารางวาละ 3,000 บาท เป็นเงิน 375,000 บาทต่อมาโจทก์อุทธรณ์ต่อจำเลยในฐานะผู้วินิจฉัยอุทธรณ์ จำเลยมีคำวินิจฉัยเพิ่มเงินค่าทดแทนให้โจทก์อีก 250,000 บาท โดยกำหนดให้ตารางวาละ 5,000 บาท แต่ไม่ได้กำหนดค่าทดแทนบางส่วนของอาคารที่ปลูกอยู่ในที่ดินที่ถูกเวนคืนและรั้วคอนกรีตบล๊อกด้วยทั้งค่าทดแทนที่โจทก์จะได้รับตามที่จำเลยกำหนดเพิ่มแล้วดังกล่าวยังไม่ใช่ราคาที่ซื้อขายกันตามปกติในท้องตลาดตามสภาพและที่ตั้งของที่ดิน การกระทำของจำเลยเป็นการละเมิดต่อโจทก์ ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายด้วย ขอให้บังคับจำเลยดำเนินการให้เป็นไปตามความในมาตรา 21 วรรคหนึ่งและวรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. 2530 เห็นว่า การที่โจทก์นำคดีนี้มาฟ้องเป็นการใช้สิทธิตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์พ.ศ. 2530 มาตรา 26 วรรคแรก ซึ่งบัญญัติว่า ในกรณีที่ผู้มีสิทธิได้รับเงินค่าทดแทนยังไม่พอใจในคำวินิจฉัยของรัฐมนตรีตามมาตรา 25มีสิทธิฟ้องคดีต่อศาลได้ภายในหนึ่งปี นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำวินิจฉัยของรัฐมนตรี และเมื่อมีการนำคดีดังกล่าวมาฟ้อง มาตรา26 วรรคสาม บัญญัติต่อไปว่าในกรณีที่ศาลวินิจฉัยให้ชำระค่าทดแทนเพิ่มขึ้น ให้ผู้มีสิทธิได้รับเงินค่าทดแทนได้รับดอกเบี้ยในอัตราสูงสุดของดอกเบี้ยเงินฝากประเภทฝากประจำ ดังนี้ โดยนัยแห่งบทบัญญัติดังกล่าว แสดงว่าการฟ้องคดีตามที่มาตรา 26 วรรคแรกบัญญัติไว้เป็นการฟ้องคดีเพื่อให้ศาลบังคับผู้มีอำนาจในการเวนคืนหรือควบคุมการเวนคืนให้ชำระค่าทดแทนแก่ผู้เป็นโจทก์เพิ่มขึ้นจากที่รัฐมนตรีมีคำวินิจฉัย เพราะมิฉะนั้นมาตรา 26 วรรคสามคงจะไม่บัญญัติถึงดอกเบี้ยของค่าทดแทนที่ศาลวินิจฉัยให้ได้รับชำระเพิ่ม ผู้เป็นโจทก์จึงต้องบรรยายมาในคำฟ้องด้วยว่าค่าทดแทนที่ตนควรได้รับชำระมีจำนวนเท่าใด และคำขอท้ายฟ้องต้องเป็นเรื่องให้บังคับผู้มีอำนาจในการเวนคืนหรือควบคุมการเวนคืน ชำระค่าทดแทนเพิ่มขึ้นจากที่รัฐมนตรีมีคำวินิจฉัย คดีนี้ตามคำฟ้องของโจทก์หาได้บรรยายถึงจำนวนค่าทดแทนที่โจทก์เห็นว่าตนเองพึงได้รับแต่ประการใดไม่ ทั้งคำขอท้ายฟ้องก็เพียงแต่ให้จำเลยดำเนินการให้เป็นไปตามบทกฎหมายที่โจทก์ยกขึ้นอ้างเท่านั้น คำฟ้องของโจทก์จึงขาดสาระสำคัญของการฟ้องคดีตามบทบัญญัติมาตรา 26 วรรคแรกแห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. 2530ไม่มีทางที่ศาลจะพิพากษาให้จำเลยต้องรับผิดได้ และแม้โจทก์บรรยายฟ้องมาด้วยว่าการที่จำเลยในฐานะผู้วินิจฉัยอุทธรณ์มีคำวินิจฉัยไม่ถูกต้อง เป็นการละเมิดต่อโจทก์ แต่โจทก์ก็มิได้มีคำขอให้บังคับจำเลยชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเพราะเหตุดังกล่าวที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับคำฟ้องของโจทก์จึงชอบแล้ว ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน