คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1430/2537

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

การที่จำเลยร่วมกับ อ.และให้อ. ยื่นขอจดทะเบียนแก้ไขเพิ่มเติม กรรมการของบริษัท ก. ต่อนายทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทโดยยื่นเอกสารรายงานการประชุมวิสามัญของบริษัท ก. อันเป็นเอกสารเท็จประกอบไปด้วย เป็นเหตุให้นายทะเบียนรับจดทะเบียนให้เป็นการแจ้งให้เจ้าพนักงานผู้กระทำการตามหน้าที่จดข้อความอันเป็นเท็จลงในเอกสารมหาชน ซึ่งมีวัตถุประสงค์สำหรับใช้เป็นพยานหลักฐานโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่โจทก์ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นและเป็นกรรมการของบริษัท ก. และประชาชน จึงเป็นความผิดตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 267

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 267,268
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว เห็นว่าคดีมีมูล ให้ประทับฟ้อง
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 267, 268 เป็นการกระทำกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบทซึ่งต้องใช้กฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดลงโทษแก่จำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 แต่อัตราโทษตามกฎหมายทั้งสองบทเท่ากัน จึงให้ลงโทษตามมาตรา 267 จำคุก 1 ปี
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งลงชื่อในคำพิพากษาศาลอุทธรณ์อนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงฟังได้ในเบื้องต้นว่า จำเลยเป็นผู้ถือหุ้นและกรรมการของบริษัทกิจกาญจน์เทรดดิ้ง จำกัด ซึ่งจดทะเบียนหนังสือบริคณห์สนธิต่อนายทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทจังหวัดสมุทรปราการ เมื่อวันที่ 1กันยายน 2526 ตามเอกสารหมาย ล.9 เมื่อวันที่ 6 มีนาคม 2534นายทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทจังหวัดสมุทรปราการรับจดทะเบียนที่จำเลยขอจดทะเบียนแก้ไขเพิ่มเติมจำนวนกรรมการและจำนวนหรือชื่อกรรมการซึ่งลงชื่อผูกพันบริษัทของบริษัทกิจกาญจน์เทรดดิ้ง จำกัด โดยให้นางสาววราภรณ์ กสิกิจนำชัย ออกจากตำแหน่งกรรมการและให้นางสาวประภาพรรณ นาคทอง เป็นกรรมการเข้าใหม่ จำเลยเพียงผู้เดียวเป็นกรรมการผู้มีอำนาจลงลายมือชื่อและประทับตราสำคัญของบริษัทได้ ตามเอกสารหมาย ล.6 ขณะยื่นคำขอจดทะเบียนแก้ไขเพิ่มเติมตามเอกสารหมาย ล.6 มีสำเนารายงานการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2534 ตามเอกสารหมาย ล.4 แนบไปด้วย และนายทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทจังหวัดสมุทรปราการออกหนังสือรับรองความเป็นนิติบุคคลของบริษัทกิจกาญจน์เทรดดิ้ง จำกัด ตามเอกสารหมายจ.7 ว่า นางสาวประภาพรรณ นาคทอง เป็นกรรมการของบริษัทและจำเลยเป็นกรรมการผู้มีอำนาจลงลายมือชื่อและประทับตราสำคัญของบริษัทผูกพันบริษัทได้
ปัญหาต่อไปมีว่า จำเลยกระทำความผิดตามฟ้องหรือไม่ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า ไม่มีการประชุมวิสามัญ ครั้งที่ 1/2534 การที่จำเลยสั่งให้นายอำนาจ ทำรายงานว่า มีการประชุมวิสามัญ ครั้งที่1/2534 ตามเอกสารหมาย ล.4 จึงเป็นการทำเอกสารเท็จ และการที่จำเลยร่วมกับนายอำนาจ และให้นายอำนาจยื่นขอจดทะเบียนแก้ไขเพิ่มเติม กรรมการของบริษัทกิจกาญจน์เทรดดิ้ง จำกัดตามเอกสารหมาย ล.6 ต่อนายทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทจังหวัดสมุทรปราการโดยยื่นเอกสารหมาย ล.4 อันเป็นเอกสารเท็จประกอบไปด้วย จนเป็นเหตุให้นายทะเบียนรับจดทะเบียนให้ เป็นการแจ้งให้เจ้าพนักงานผู้กระทำการตามหน้าที่จดข้อความอันเป็นเท็จลงในเอกสารมหาชนซึ่งมีวัตถุประสงค์สำหรับใช้เป็นพยานหลักฐานโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่โจทก์และประชาชนการกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 267 แต่ข้อเท็จจริงในคดีไม่ปรากฏว่าจำเลยได้นำเอกสารที่จำเลยแจ้งให้เจ้าพนักงานผู้กระทำการตามหน้าที่จดข้อความอันเป็นเท็จดังกล่าวไปใช้หรืออ้างแต่ประการใดที่ศาลล่างทั้งสองปรับบทลงโทษแก่จำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 268ด้วยจึงไม่ถูกต้อง ศาลฎีกาเห็นสมควรแก้ไข”
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 267 นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share