คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1343/2537

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

การที่ผู้ร้องมอบอำนาจให้ จ. หุ้นส่วนผู้จัดการของผู้เช่าซื้อยื่นคำร้องขอรถยนต์บรรทุกของกลางคืนจากศาล โดยให้สัญญาเช่าซื้อรถยนต์บรรทุกของกลางระหว่างผู้ร้องกับผู้เช่าซื้อยังคงมีผลผูกพันบังคับกันอยู่นั้น เป็นพฤติการณ์ที่แสดงให้เห็นว่าผู้ร้องมายื่นคำร้องขอรถยนต์บรรทุกของกลางคืนก็เพื่อประโยชน์ของผู้เช่าซื้ออันเป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริต จึงไม่มีสิทธิขอให้ศาลสั่งคืนรถยนต์บรรทุกของกลางให้แก่ผู้ร้องได้

ย่อยาว

คดีนี้เดิมโจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายที่ดินมาตรา 9, 108, 108 ทวิ ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยและสั่งริบเครื่องยนต์พร้อมอุปกรณ์ดูดทราย 1 ชุด พลั่วตักทราย 6 อันรถยนต์บรรทุก 6 ล้อ หมายเลขทะเบียน 80-1492 พัทลุง 1 คันท่อส่งทราย 2 ท่อ ของกลาง
ผู้ร้องยื่นคำร้องและแก้ไขคำร้องว่า ผู้ร้องเป็นเจ้าของรถยนต์บรรทุกของกลางและมิได้รู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำความผิดขอให้สั่งคืนรถยนต์ดังกล่าวแก่ผู้ร้อง
โจทก์ไม่คัดค้าน
ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้วสั่งยกคำร้อง
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายืน
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่าผู้ร้องเป็นเจ้าของรถยนต์บรรทุกของกลาง และได้มอบอำนาจให้นายจารึก มากช่วย หุ้นส่วนผู้จัดการห้างหุ้นส่วนจำกัดพัทลุงสหพัฒนา ซึ่งเป็นผู้เช่าซื้อดำเนินคดีร้องขอของกลางคืนแทนปัญหาจะต้องวินิจฉัยตามฎีกาผู้ร้องมีว่า ผู้ร้องใช้สิทธิร้องขอรถยนต์บรรทุกของกลางคืนโดยสุจริตหรือไม่ ผู้ร้องมีนายจารึกเบิกความว่าผู้เช่าซื้อ เช่าซื้อรถยนต์บรรทุกของกลางไว้ใช้ในการขนส่งปูนซิเมนต์จากอำเภอทุ่งสง จังหวัดนครศรีธรรมราช มายังจังหวัดพัทลุงโดยมีนายประสิทธิ์ รอดแก้ว เป็นพนักงานขับรถ ในขณะที่นายประสิทธิ์ทำงานในทางการที่จ้างได้นำรถยนต์บรรทุกของกลางไปบรรทุกทรายโดยนายจารึกไม่ทราบแล้วถูกจับกุมและถูกศาลสั่งริบผู้ร้องจึงได้มอบอำนาจให้นายจารึกมาร้องขอรถยนต์บรรทุกของกลางคืนแทนนั้น จะเห็นได้ว่าระยะเวลาตั้งแต่เกิดเหตุถึงวันที่ผู้ร้องมอบอำนาจให้นายจารึกหุ้นส่วนผู้จัดการของผู้เช่าซื้อยื่นคำร้องขอรถยนต์บรรทุกของกลางคืนเป็นเวลานานถึง 14 วัน แสดงให้เห็นว่าผู้ร้องได้พบผู้เช่าซื้อก่อนแล้ว ถ้าผู้ร้องมีเจตนาต้องการรถยนต์บรรทุกของกลางคืนจริงผู้ร้องก็ควรจะบอกเลิกสัญญาเช่าซื้อรถยนต์บรรทุกของกลางและขอคืนจากผู้เช่าซื้อก่อน การที่ผู้ร้องมอบอำนาจให้นายจารึก หุ้นส่วนผู้จัดการของผู้เช่าซื้อยื่นคำร้องขอรถยนต์บรรทุกของกลางคืนจากศาล โดยยังคงให้สัญญาเช่าซื้อรถยนต์บรรทุกของกลางระหว่างผู้ร้องกับผู้เช่าซื้อยังคงมีผลผูกพันบังคับกันอยู่นั้นเป็นพฤติการณ์ที่แสดงให้เห็นว่า ที่ผู้ร้องมายื่นคำร้องขอรถยนต์บรรทุกของกลางคืนในครั้งนี้ผู้ร้องไม่มีเจตนาต้องการรถยนต์บรรทุกของกลางคืน แต่เป็นการกระทำเพื่อให้ผู้เช่าซื้อได้เข้าครอบครองรถยนต์บรรทุกของกลางตามสัญญาเช่าซื้อเพื่อให้ผู้เช่าซื้อนำไปหาผลประโยชน์ได้ดังเดิม การกระทำของผู้ร้องดังกล่าวย่อมถือได้ว่าเป็นการกระทำเพื่อประโยชน์ของผู้เช่าซื้อที่ได้มอบรถยนต์บรรทุกของกลางให้แก่ลูกจ้างไปกระทำความผิดอันเป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริตนั่นเอง ผู้ร้องจึงไม่มีสิทธิขอให้ศาลสั่งคืนรถยนต์บรรทุกของกลางให้แก่ผู้ร้องได้ ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษามานั้นศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาผู้ร้องฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share