คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 399/2537

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

ความผิดฐานมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนในครอบครองโดยมิได้รับอนุญาต กับฐานพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน และทางสาธารณะ โดยไม่มีเหตุอันสมควรนั้น โจทก์จำเลยต่างไม่อุทธรณ์ถือว่าเป็นอันยุติแล้วตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ฎีกาของจำเลยในส่วนที่เกี่ยวกับความผิดทั้งสองฐานดังกล่าว จึงเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลอุทธรณ์ต้องห้ามมิให้ฎีกา ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15 ประกอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 วรรคแรก ส่วนความผิดฐานฆ่าผู้อื่น เมื่อศาลชั้นต้นส่งสำนวนไปศาลอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 245 วรรคสอง ศาลอุทธรณ์แก้เฉพาะให้กำหนดโทษในความผิดเกี่ยวกับอาวุธปืนที่ศาลชั้นต้นยังมิได้กำหนด ซึ่งมีผลเท่ากับศาลอุทธรณ์พิพากษายืนในความผิดฐานฆ่าผู้อื่นจึงเป็นอันถึงที่สุดตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 245 วรรคสอง ตอนท้าย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยมีอาวุธปืนลูกซองสั้นขนาด 12 จำนวน1 กระบอกไม่มีเครื่องหมายทะเบียนของเจ้าพนักงานประทับ และกระสุนปืนจำนวน 3 นัดไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ทั้งได้พาอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนดังกล่าวติดตัวไปในเมืองโดยไม่ได้รับอนุญาตไม่มีเหตุอันควร ไม่มีเหตุจำเป็นและเร่งด่วนตามสมควรแก่พฤติการณ์จำเลยใช้อาวุธปืนดังกล่าวยิงนายสวัสดิ์ เตชะมา และใช้ไม้ท่อนและไม้เหลี่ยมทุบตีนายสวัสดิ์ โดยเจตนาฆ่า เป็นเหตุให้นายสวัสดิ์ถึงแก่ความตาย หลังจากนั้นจำเลยได้ใช้อาวุธปืนดังกล่าวยิงนางตุ้น เตชะมา โดยเจตนาฆ่าเป็นเหตุให้นางตุ้นถึงแก่ความตายเหตุทั้งหมดเกิดที่ตำบลทุ่งแล้ง อำเภอลอง จังหวัดแพร่เจ้าพนักงานตำรวจจับจำเลยได้พร้อมกับยึดไม้ท่อน จำนวน 1 อันไม้แผ่นเหลี่ยมหักครึ่ง จำนวน 2 อัน อาวุธปืนลูกซองสั้นไม่มีเครื่องหมายทะเบียนจำนวน 1 กระบอก กระสุนปืน จำนวน 1 นัด และปลอกกระสุนปืน จำนวน 2 นัด เป็นของกลาง ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32, 33, 91, 288, 371 พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิงและสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 7, 8ทวิ, 72, 72 ทวิ และริบของกลาง
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288, 371, 91 พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนวัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490มาตรา 7, 8ทวิ วรรคหนึ่ง, 72 วรรคหนึ่ง, 72ทวิ วรรคสอง การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ลงโทษฐานฆ่าผู้อื่น ให้ประหารชีวิต ซึ่งเป็นความผิดที่มีโทษหนักที่สุดแล้วจึงไม่ต้องกำหนดโทษอื่น คำรับสารภาพในชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ประกอบด้วยมาตรา 52(1)คงจำคุกตลอดชีวิต ริบของกลาง
โจทก์และจำเลยต่างไม่อุทธรณ์ ศาลชั้นต้นส่งสำนวนไปยังศาลอุทธรณ์ภาค 2 ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 245วรรคสอง
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ลงโทษฐานมีอาวุธปืนและพาอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุกกระทงละ 1 ปี ลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุกกระทงละ 8 เดือนลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 เมื่อรวมโทษทุกกระทงแล้วคงจำคุกตลอดชีวิต ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 91(3) นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “สำหรับความผิดฐานมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนในครอบครองโดยมิได้รับอนุญาตกับฐานพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้านและทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควรนั้น เป็นอันยุติแล้วตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ฎีกาของจำเลยในส่วนที่เกี่ยวกับความผิดทั้งสองฐานดังกล่าวจึงเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลอุทธรณ์ภาค 2 ต้องห้ามมิให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15 ประกอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 วรรคแรก ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยส่วนความผิดฐานฆ่าผู้อื่น เมื่อศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยตลอดชีวิต โจทก์และจำเลยไม่อุทธรณ์ ศาลชั้นต้นส่งสำนวนไปศาลอุทธรณ์ภาค 2 ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 245 วรรคสอง ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษาแก้เฉพาะให้กำหนดโทษในความผิดเกี่ยวกับอาวุธปืนที่ศาลชั้นต้นยังมิได้กำหนด ซึ่งมีผลเท่ากับศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืนในความผิดฐานฆ่าผู้อื่นความผิดฐานนี้จึงเป็นอันถึงที่สุดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 245 วรรคสอง ตอนท้ายศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยฎีกาของจำเลยในส่วนที่เกี่ยวกับความผิดฐานนี้เช่นกัน”
พิพากษายกฎีกาจำเลย

Share