แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ศาลล่างทั้งสองต่างฟังข้อเท็จจริงต้องกันว่า จำเลยทั้งสองมิได้ซื้อที่พิพาท หากแต่เช่าที่พิพาทจึงมิได้เป็นเจ้าของ ที่จำเลยทั้งสองฎีกาว่า โจทก์ไม่มีหลักฐานการเช่ามาแสดง การที่ศาลฟังว่าจำเลยทั้งสองเช่าที่พิพาทจึงขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 93 และ 94 นั้น จึงเป็นการเถียงข้อเท็จจริงที่ศาลล่างทั้งสองฟังยุติต้องกันแล้วว่า จำเลยทั้งสองเช่าที่พิพาทฎีกาของจำเลยทั้งสองจึงเป็นฎีกาในข้อเท็จจริง เมื่อทุนทรัพย์ที่พิพาทกันในชั้นฎีกาไม่เกินสองแสนบาท จึงต้องห้ามมิให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 วรรคแรก
ย่อยาว
โจทก์ทั้งสองฟ้องและแก้ไขคำฟ้องว่า จำเลยทั้งสองได้เช่าที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3) เล่ม 1 หน้า 126หมู่ที่ 6 ตำบลอินทร์บุรี อำเภออินทร์บุรี จังหวัดสิงห์บุรีเนื้อที่ 48 ตารางวา และที่ดินบางส่วนของโฉนดเลขที่ 5487 ตำบลอินทร์บุรี อำเภออินทร์บุรี จังหวัดสิงห์บุรี จากมารดาโจทก์ทั้งสอง ต่อมามารดาโจทก์ทั้งสองถึงแก่กรรม โจทก์ทั้งสองเป็นผู้จัดการมรดก เมื่อเดือนสิงหาคม 2531 โจทก์นำเจ้าพนักงานที่ดินไปรังวัดที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3) เล่มที่ 1หน้า 126 แปลงดังกล่าว เพื่อออกโฉนดที่ดิน จำเลยที่ 1 คัดค้านอ้างว่าที่ดินที่จำเลยที่ 1 เช่าอยู่นั้นเป็นของจำเลยทั้งสองซึ่งซื้อมาจากนายสุวรรณ โจทก์จึงบอกเลิกการเช่าและบอกกล่าวให้จำเลยทั้งสองและบริวารออกจากที่ดินของโจทก์ จำเลยทั้งสองเพิกเฉย โจทก์เสียหายเดือนละ 2,000 บาท ขอให้เพิกถอนการคัดค้านของจำเลยที่ 1 ให้จำเลยทั้งสองรื้อบ้านออกไปจากที่ดินของโจทก์หากไม่รื้อให้โจทก์เป็นผู้รื้อเองโดยจำเลยทั้งสองออกค่าใช้จ่ายห้ามจำเลยทั้งสองและบริวารเข้าเกี่ยวข้องในที่ดินดังกล่าวอีกให้จำเลยทั้งสองใช้ค่าเสียหายเดือนละ 2,000 บาท นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะออกไปจากที่ดิน
จำเลยทั้งสองให้การและฟ้องแย้งว่า จำเลยทั้งสองไม่เคยเช่าที่ดินพิพาทของโจทก์ทั้งสอง จำเลยทั้งสองซื้อที่ดินพิพาทมาจากนายสุวรรณบิดาโจทก์ทั้งสองในราคา 51,000 บาท แล้วได้ปลูกบ้านอาศัยมาเป็นเวลาประมาณ 20 ปีแล้ว ขอให้ยกฟ้อง และพิพากษาว่าบ้านเลขที่ 5/6 พร้อมที่ดิน น.ส.3 เล่มที่ 1 หน้า 126 หมู่ที่ 6ตำบลอินทร์บุรี อำเภออินทร์บุรี จังหวัดสิงห์บุรี เนื้อที่48 ตารางวา เป็นของจำเลยทั้งสอง
โจทก์ทั้งสองให้การแก้ฟ้องแย้งว่า จำเลยทั้งสองไม่เคยซื้อที่ดินพิพาทจากนายสุวรรณ จำเลยทั้งสองเป็นเพียงผู้เช่า ขอให้ยกฟ้องแย้ง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองรื้อบ้านเลขที่ 5/6 หมู่ที่ 6ตำบลอินทร์บุรี อำเภออินทร์บุรี จังหวัดสิงห์บุรี ออกจากที่ดินพิพาท ห้ามจำเลยทั้งสองและบริวารเข้าไปเกี่ยวข้องในที่ดินพิพาทอีก ให้จำเลยทั้งสองใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์เดือนละ 200 บาทนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะออกไปจากที่ดินพิพาท ให้ยกฟ้องแย้ง
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้มีราคาทรัพย์สินหรือจำนวนทุนทรัพย์ที่พิพาทกันในชั้นฎีกาไม่เกินสองแสนบาท ห้ามมิให้คู่ความฎีกาในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 วรรคแรกคดีนี้ศาลล่างทั้งสองต่างฟังข้อเท็จจริงต้องกันว่า จำเลยทั้งสองมิได้ซื้อที่พิพาท หากแต่เช่าที่พิพาทจึงมิได้เป็นเจ้าของที่พิพาทจำเลยทั้งสองฎีกามาเป็นสำคัญว่าการเช่าอสังหาริมทรัพย์กฎหมายบังคับให้ต้องมีหลักฐานเป็นหนังสืออย่างหนึ่งอย่างใดลงลายมือชื่อฝ่ายที่ต้องรับผิดเป็นสำคัญจึงจะฟ้องร้องให้บังคับคดีได้ ทั้งนี้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 538 แต่ศาลล่างทั้งสองกลับฟังว่าจำเลยทั้งสองเช่าที่พิพาท ทั้งที่โจทก์ไม่มีหลักฐานการเช่ามาแสดง จึงเป็นการฟังพยานหลักฐานที่ไม่ชอบเพราะขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 93 และ 94 เห็นว่าที่จำเลยทั้งสองฎีกามาดังกล่าวเท่ากับเถียงว่าจำเลยทั้งสองไม่ได้เช่าที่พิพาท จึงเป็นการเถียงข้อเท็จจริงที่ศาลล่างทั้งสองฟังยุติต้องกันแล้วว่าจำเลยทั้งสองเช่าที่พิพาท ฎีกาของจำเลยทั้งสองดังกล่าวนี้จึงเป็นฎีกาในข้อเท็จจริง ต้องห้ามมิให้ฎีกาตามบทมาตราดังกล่าวข้างต้น ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
พิพากษายกฎีกาจำเลยทั้งสอง