แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
การลงโทษจำคุกระยะสั้นนอกจากจะไม่เกิดผลในการแก้ไขให้จำเลยกลับตัวเป็นคนดีแล้วยังทำให้จำเลยกลายเป็นคนมีประวัติเสื่อมเสียเมื่อพ้นโทษแล้วยากที่จะกลับตัวประกอบสัมมาอาชีพโดยสุจริตต่อไปได้ย่อมส่งผลให้ครอบครัวหรือผู้อยู่ในความอุปการะเลี้ยงดูของจำเลยพลอยได้รับความเดือนร้อนทุกข์ยากไปด้วยและความผิดที่จำเลยขับรถบรรทุกน้ำหนักเกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนดนั้นก็มิใช่อาชญากรรมที่เป็นความผิดร้ายแรงอีกทั้งจำเลยเพิ่งจะกระทำความผิดครั้งแรกการให้โอกาสจำเลยได้กลับตัวเป็นคนดีโดยการรอการลงโทษและควบคุมความประพฤติไว้เพื่อให้พนักงานคุมประพฤติคอยสอดส่องดูแลแนะนำช่วยเหลือหรือตักเตือนให้จำเลยได้แก้ไขฟื้นฟูตนเองเพื่อกลับตัวเป็นพลเมืองดีน่าจะเป็นผลดีแก่จำเลยและสังคมส่วนรวมมากกว่า
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติทางหลวงพ.ศ. 2535 มาตรา 61, 73
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติทางหลวง พ.ศ. 2535 มาตรา 61, 73 จำเลยให้การรับสารภาพเพราะจำนนต่อหลักฐานจึงไม่ลดโทษ ให้จำคุก 2 เดือนปรับ 6,000 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้ 1 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 ไม่ชำระค่าปรับจัดการตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 29, 30 ให้จำเลยไปรายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติทุก 3 เดือนต่อครั้ง มีกำหนด 1 ปี
โจทก์อุทธรณ์ขอให้ลงโทษสถานหนักและไม่รอการลงโทษโดยอัยการพิเศษประจำเขต 2 ซึ่งได้รับมอบหมายจากอัยการสูงสุดรับรองให้อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลอุทธรณ์ ภาค 1 พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา โดยอัยการสูงสุดรับรองให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ที่โจทก์ฎีกาว่าพฤติการณ์แห่งคดีสมควรลงโทษจำเลยในสถานหนักและไม่รอการลงโทษให้แก่จำเลยนั้น เห็นว่า การลงโทษจำคุกระยะสั้นนอกจากจะไม่เกิดผลในการแก้ไขให้จำเลยกลับตัวเป็นคนดีแล้ว ยังทำให้จำเลยกลายเป็นคนมีประวัติเสื่อมเสีย เมื่อพ้นโทษแล้วก็ยากที่จะกลับตัวประกอบสัมมาอาชีพโดยสุจริตต่อไปได้ ซึ่งย่อมส่งผลให้ครอบครัวหรือผู้อยู่ในความอุปการะเลี้ยงดูของจำเลยพลอยได้รับความเดือนร้อนทุกข์ยากไปด้วย และความผิดที่จำเลยกระทำคือขับรถบรรทุกน้ำหนักเกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนดนั้น ก็มิใช่อาชญากรรมที่เป็นความผิดร้ายแรง อีกทั้งจำเลยเพิ่งกระทำความผิดครั้งแรกการให้โอกาสจำเลยได้กลับตัวเป็นคนดีโดยการรอการลงโทษและคุมความประพฤติไว้เพื่อให้พนักงานคุมประพฤติคอยสอดส่อง ดูแลแนะนำ ช่วยเหลือหรือตักเตือนให้จำเลยได้แก้ไขฟื้นฟูตนเองเพื่อกลับตัวเป็นพลเมืองดีน่าจะเป็นผลดีแก่จำเลยและสังคมส่วนรวมมากกว่าที่ศาลล่างทั้งสองรอการลงโทษและคุมความประพฤติจำเลยมานั้นเป็นการใช้ดุลพินิจในการลงโทษจำเลยเหมาะสมแก่ความผิดที่จำเลยกระทำแล้ว ไม่มีเหตุที่ศาลฎีกาจะเปลี่ยนแปลงแก้ไข คำพิพากษาศาลฎีกาที่โจทก์อ้างว่าศาลฎีกาเคยใช้ดุลยพินิจไม่รอการลงโทษให้แก่ผู้กระทำผิดคดีทำนองนี้นั้น ข้อเท็จจริงและพฤติการณ์แห่งคดีแตกต่างกับคดีนี้ ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน