คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1053/2496

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เจ้าของที่ดินปลูกห้องแถวลงบนที่ดินให้คนเช่าอยู่อาศัย ต่อมาเจ้าของที่ดินโอนขายเฉพาะห้องแถวให้ผู้อื่นไป ผู้รับซื้อคงเก็บค่าเช่าห้องจากผู้อยู่ต่อไป และเช่าที่ดินกับเจ้าของที่ดิน ดังนี้แม้เจ้าของที่ดินจะฟ้องผู้รับซื้อห้องแถวให้รื้อถอนห้องแถวนั้นไปจากที่ดิน และศาลพิพากษาให้เจ้าของที่ดินชนะคดี ก็ตาม ผู้เช่าห้องแถวนั้นอยู่ดังกล่าว ก็ยังได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่า ฯลฯ ไม่ต้องออกจากห้องเช่าไป

ย่อยาว

คดีนี้ ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยผู้เช่าที่ดินส่งมอบที่ดินโฉนดที่ 1245 ให้แก่โจทก์ผู้ให้เช่า และให้จำเลยรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างของจำเลย ซึ่งตั้งอยู่ในที่ดินที่เช่านั้นออกไป โจทก์จึงยื่นคำร้องขอให้บริวารของจำเลยออกจากห้องเช่า พวกผู้ร้องมาร้องต่อศาลว่าไม่ใช่บริวารจำเลย ได้เป็นผู้เช่าห้องรายนี้อยู่เรื่อยมาตั้งแต่เป็นของโจทก์

ศาลชั้นต้นสั่งให้ขับไล่ผู้ร้อง

ผู้ร้องอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกคำร้องของโจทก์

โจทก์ฎีกา

คดีนี้ได้ความว่า เมื่อ 15 ปีมาแล้วโจทก์ปลูกสร้างห้องแถวพิพาทขึ้นให้เช่า พวกผู้ร้องได้เช่าอยู่อาศัยเป็นรายห้องจากโจทก์มาแต่เริ่มแรก ครั้นราว พ.ศ. 2486โจทก์ขายห้องแถวให้นางเผชิญ ต่อมาสักเดือนหนึ่งนางเผชิญโอนขายให้จำเลย ๆ ได้เก็บค่าเช่าสืบต่อมาโดยเช่าที่ดินโจทก์ต่อไป การที่จำเลยเก็บค่าเช่าจากพวกลูกห้องตลอดมานี้ โจทก์ทราบดีเพราะอยู่ใกล้ผ่านไปมาเสมอ

ศาลฎีกาเห็นว่า การเช่านี้ได้เช่าเพื่ออยู่อาศัยจึงเป็นเคหะแม้ว่าเวลานี้ห้องแถวยังเป็นของโจทก์อยู่ดังเดิม โจทก์ก็ขับไล่ไม่ได้ ผู้เช่าได้รับความคุ้มครอง เพราะฉะนั้นการที่โจทก์โอนขายห้องแถวเดิมของตน ไปให้คนอื่นเก็บค่าเช่าดุจเดิมสืบต่อมาเท่านั้นผู้เช่าก็ชอบที่จะได้รับความคุ้มครองดุจเดิม

ฯลฯ จึงพิพากษายืน

Share