คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6538/2539

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

ศาลจะสั่งเพิกถอนการขายทอดตลาดได้ต่อเมื่อปรากฏว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการบังคับคดีฝ่าฝืนต่อกฎหมายและก่อให้เกิดความเสียหายแก่บุคคลผู้มีส่วนได้เสียในการบังคับคดีดังนั้นการที่จำเลยที่1ยื่นคำร้องว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีประเมินราคาทรัพย์ที่ยึดต่ำกว่าความเป็นจริงและราคาตลาดโดยมิได้ให้เจ้าพนักงานที่ดินหรือเจ้าพนักงานของรัฐประเมินราคาทรัพย์พิพาทก่อนตามคำร้องของจำเลยที่1จึงมิใช่เป็นกรณีที่เจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการบังคับคดีฝ่าฝืนต่อกฎหมายอันจะเป็นเหตุให้จำเลยที่1มีสิทธิขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาดได้

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาตามสัญญาประนีประนอมยอมความให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินแก่โจทก์ จำเลยทั้งสองไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษาตามยอม โจทก์ขอให้ศาลชั้นต้นออกหมายบังคับคดีเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ยึดที่ดินของจำเลยที่ 1 ขายทอดตลาดบ้านและที่ดินทั้ง 2 รายการ รวม 4 ครั้ง ครั้งที่ 1 และครั้งที่ 2ไม่มีผู้สนใจเข้าประมูลสู้ราคา ครั้งที่ 3 ที่ดินแปลงที่ 14พร้อมสิ่งปลูกสร้างมีผู้สู้ราคา 2 ราย โจทก์เสนอราคาสูงสุด 650,000บาท จำเลยที่ 1 คัดค้านว่าเป็นราคาต่ำ เจ้าพนักงานบังคับคดีเห็นว่าราคาที่โจทก์เสนอสูงกว่าราคาประเมินของเจ้าพนักงานบังคับคดี แต่เพื่อให้โอกาสแก่จำเลยที่ 1 จึงให้งดการขายและประกาศขายใหม่ ให้จำเลยที่ 1 หาผู้เข้าสู้ราคาให้ได้ตามต้องการในนัดต่อไป มิฉะนั้นจะพิจารณาตามที่เห็นสมควร ครั้งที่ 4ที่ดินแปลงที่ 14 พร้อมสิ่งปลูกสร้าง มีผู้เข้าสู้ราคา 2 ราย โจทก์เสนอราคาสูงสุด 650,000 บาท เท่ากับราคาประมูลในครั้งที่ 3จำเลยที่ 1 ไม่สามารถหาผู้มาประมูลได้ แต่คัดค้านว่าเป็นราคาที่ต่ำกว่าความเป็นจริง เจ้าพนักงานบังคับคดีอนุญาตให้ขายแก่โจทก์ผู้ให้ราคาสูงสุด
จำเลยที่ 1 ยื่นคำร้องคัดค้านว่า เจ้าพนักงานบังคับคดีประเมินราคาที่ดินและสิ่งปลูกสร้างไว้ต่ำกว่าราคาตามความเป็นจริงทำให้จำเลยที่ 1 เสียเปรียบและเสียหายอย่างมาก จึงเป็นการดำเนินการโดยไม่ชอบ ขอให้เพิกถอนคำสั่งเจ้าพนักงานบังคับที่อนุญาตให้ขายที่ดินแปลงที่ 14 พร้อมสิ่งปลูกสร้างของจำเลยที่ 1และประกาศขายทอดตลาดใหม่
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วมีคำสั่งว่าตามคำร้องไม่ปรากฏว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีขายทอดตลาดทรัพย์สินของจำเลยที่ 1ไม่ถูกต้อง หรือไม่ถูกระเบียบอย่างไร ให้ยกคำร้อง ค่าคำร้องเป็นพับ
จำเลยที่ 1 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายืน
จำเลยที่ 1 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ตามคำร้องของจำเลยที่ 1 มีความประสงค์ขอให้ศาลสั่งเพิกถอนการขายทอดตลาดแล้วให้ขายทอดตลาดใหม่การที่ศาลจะพิจารณาสั่งเพิกถอนได้ก็ต่อเมื่อปรากฏว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ดำเนินการบังคับคดีฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติแห่งลักษณะการบังคับคดีตามคำพิพากษาหรือคำสั่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งและทำให้เกิดความเสียหายแก่เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาหรือลูกหนี้ตามคำพิพากษาหรือบุคคลอื่นที่มีส่วนได้เสียในการบังคับคดีซึ่งบุคคลดังกล่าวชอบที่จะขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาดได้ แต่ตามคำร้องของจำเลยที่ 1 กล่าวอ้างเพียงว่า การขายทอดตลาดได้ราคาต่ำไป และการประเมินราคาของเจ้าพนักงานบังคับคดีต่ำกว่าความเป็นจริงและราคาตลาด อีกทั้งไม่ได้ให้เจ้าพนักงานที่ดินหรือเจ้าพนักงานของรัฐได้ทำการประเมินราคาทรัพย์พิพาทประกอบก่อนด้วยถือว่าเป็นการกระทำโดยมิชอบ ดังนี้ เห็นว่าตามคำร้องของจำเลยที่ 1 มิได้เป็นกรณีที่เจ้าพนักงานบังคับคดีได้ดำเนินการบังคับคดีฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติแห่งลักษณะการบังคับคดีตามคำพิพากษาหรือคำสั่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 296 วรรคสอง จำเลยที่ 1 จึงไม่มีสิทธิขอเพิกถอนคำสั่งตามคำร้องได้ ไม่จำเป็นต้องวินิจฉัยปัญหาอื่นต่อไป ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษามานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยที่ 1 ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share