คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6222/2539

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

ในกรณีที่ผู้มีสิทธิได้รับเงินค่าทดแทนที่ดินที่ถูกเวนคืนไม่พอใจในค่าทดแทนที่คณะกรรมการกำหนดและใช้สิทธิอุทธรณ์ไปยังรัฐมนตรีตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์พ.ศ.2530มาตรา25แล้วหากรัฐมนตรีมิได้วินิจฉัยอุทธรณ์ให้เสร็จสิ้นภายใน60วันนับแต่วันที่ได้รับคำอุทธรณ์หรือวินิจฉัยเสร็จสิ้นภายใน60วันนับแต่ได้รับคำอุทธรณ์ผู้มีสิทธิได้รับค่าทดแทนจะต้องใช้สิทธิฟ้องคดีต่อศาลภายใน1ปีนับแต่วันที่พ้นกำหนดเวลา60วันนับแต่วันที่รัฐมนตรีได้รับคำอุทธรณ์มิฉะนั้นจะสิ้นสิทธิฟ้องร้อง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นผู้มีสิทธิครอบครองที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2532 ได้มีพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนเพื่อสร้างทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 414 จำเลยได้เวนคืนที่ดินของโจทก์ดังกล่าวเนื้อที่ 2 ไร่ 3 งาน 91 ตารางวา เพื่อสร้างทางหลวงและจ่ายค่าทดแทนให้โจทก์ไร่ละ 60,000 บาท รวมเป็นเงิน 178,650 บาท ซึ่งไม่เป็นธรรม โจทก์อุทธรณ์ต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์เพิ่มค่าทดแทนเป็นไร่ละ 180,000 บาทแต่ยังไม่เป็นธรรมเพราะที่ดินของโจทก์ซื้อขายกันในท้องตลาดไร่ละ 1,500,000 บาท โจทก์ควรได้รับค่าทดแทนจำนวน 4,466,250 บาทโจทก์ได้รับค่าทดแทนเพียง 606,100 บาท ขาดอยู่อีกจำนวน 3,840,150บาท จำเลยต้องรับผิดต่อโจทก์พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปีตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2536 ถึงวันฟ้องเป็นดอกเบี้ย 240,009.37บาท รวมเป็นเงิน 4,080,159.37 บาท โจทก์ทวงถามแต่จำเลยเพิกเฉยขอให้บังคับจำเลยใช้เงินจำนวน 4,080,159.37 บาท แก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปีจากต้นเงินจำนวน 3,840,150 บาทจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยให้การและแก้ไขคำให้การว่า จำเลยจ่ายค่าทดแทนที่ดินที่ถูกเวนคืนให้แก่โจทก์ในราคาที่เป็นธรรมตามขั้นตอนของทางราชการแล้ว ค่าทดแทนตามฟ้องสูงเกินส่วน ฟ้องโจทก์ขาดอายุความเพราะมิได้ฟ้องภายในกำหนด 1 ปี นับแต่วันที่พ้นกำหนดหกสิบวันนับแต่วันที่รัฐมนตรีได้รับคำอุทธรณ์ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. 2530 มาตรา 25 ประกอบด้วยมาตรา 26ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ววินิจฉัยว่า ฟ้องโจทก์ขาดอายุความพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 วินิจฉัยว่า คดีโจทก์ไม่ขาดอายุความพิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปแล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดี
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า เมื่อวันที่ 19สิงหาคม 2532 มีพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนเพื่อสร้างทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 414 เป็นเหตุให้ที่ดินของโจทก์ถูกเวนคืนเป็นเนื้อที่ 2 ไร่ 3 งาน 91 ตารางวา จำเลยได้กำหนดค่าทดแทนให้โจทก์ไร่ละ 60,000 บาท และแจ้งให้โจทก์ไปรับค่าทดแทน โจทก์รับหนังสือวันที่ 14 มีนาคม 2534 ต่อมาวันที่ 21 มีนาคม 2534 โจทก์ได้ยื่นอุทธรณ์ต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมขอเพิ่มค่าทดแทนที่ดินที่ถูกเวนคืน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมได้รับคำอุทธรณ์ของโจทก์วันที่ 2 เมษายน 2534คณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์มีความเห็นให้เพิ่มค่าทดแทนจากไร่ละ60,000 บาท เป็นไร่ละ 180,000 บาท รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมเห็นชอบและแจ้งคำวินิจฉัยอุทธรณ์ให้โจทก์ไปรับค่าทดแทนเพิ่มขึ้นโดยโจทก์ได้รับหนังสือวันที่ 2 กรกฎาคม 2536 แต่โจทก์ยังเห็นว่าเป็นราคาที่ไม่เป็นธรรมจึงนำคดีมาฟ้องให้จำเลยใช้ค่าทดแทนเพิ่มขึ้นอีกเมื่อวันที่ 23 มีนาคม 2537 มีปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยว่า โจทก์ใช้สิทธิฟ้องร้องภายในกำหนดระยะเวลาหรือไม่เห็นว่า พระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. 2530มาตรา 25 วรรคสองบัญญัติว่า ในการพิจารณาอุทธรณ์ตามวรรคหนึ่งให้รัฐมนตรีแต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นคณะหนึ่งประกอบด้วยผู้ทรงคุณวุฒิทางกฎหมายและผู้มีความรู้ความสามารถในการตีราคาอสังหาริมทรัพย์มีจำนวนทั้งหมดไม่น้อยกว่าห้าคน เป็นผู้พิจารณาเสนอความเห็นต่อรัฐมนตรี ทั้งนี้ ให้รัฐมนตรีวินิจฉัยอุทธรณ์ให้เสร็จสิ้นภายในหกสิบวันนับแต่วันที่ได้รับคำอุทธรณ์ และมาตรา 26 วรรคหนึ่งบัญญัติว่า ในกรณีที่ผู้มีสิทธิได้รับเงินค่าทดแทนยังไม่พอใจในคำวินิจฉัยของรัฐมนตรีตามมาตรา 25 หรือในกรณีที่รัฐมนตรีมิได้วินิจฉัยอุทธรณ์ให้เสร็จสิ้นภายในกำหนดเวลาตามมาตรา 25วรรคสอง ให้มีสิทธิฟ้องคดีต่อศาลได้ภายในหนึ่งปีนับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำวินิจฉัยของรัฐมนตรีหรือนับแต่วันที่พ้นกำหนดเวลาดังกล่าวแล้วแต่กรณี ดังนั้น ตามบทบัญญัติแห่งมาตรา 25 วรรคสองเมื่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมได้รับคำอุทธรณ์ของโจทก์วันที่ 2 เมษายน 2534 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมจะต้องวินิจฉัยอุทธรณ์ของโจทก์ให้เสร็จสิ้นภายในหกสิบวันนับแต่วันที่ได้รับคำอุทธรณ์คือภายในวันที่ 1 มิถุนายน 2534 และตามบทบัญญัติแห่งมาตรา 26 วรรคหนึ่ง สิทธิของผู้ได้รับค่าทดแทนที่จะฟ้องคดีต่อศาลมีได้เพียงกรณีใดกรณีหนึ่งคือกรณีที่รัฐมนตรีวินิจฉัยอุทธรณ์ให้เสร็จสิ้นภายในหกสิบวันนับแต่วันที่ได้รับคำอุทธรณ์หรือในกรณีที่รัฐมนตรีมิได้วินิจฉัยอุทธรณ์ของโจทก์ให้เสร็จสิ้นภายในหกสิบวันนับแต่วันที่ได้รับคำอุทธรณ์ โจทก์จึงจะมีสิทธิฟ้องคดีต่อศาลภายในหนึ่งปีนับแต่วันที่พ้นกำหนดเวลาหกสิบวันนับแต่วันที่ได้รับคำอุทธรณ์ กรณีตามฟ้องเมื่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมมิได้วินิจฉัยอุทธรณ์ของโจทก์ให้เสร็จสิ้นภายในหกสิบวันนับแต่วันที่ได้รับคำอุทธรณ์ โจทก์จะต้องฟ้องคดีต่อศาลภายในกำหนดหนึ่งปีนับแต่วันที่พ้นกำหนดเวลาหกสิบวันคือโจทก์ต้องฟ้องคดีต่อศาลภายในวันที่ 1 มิถุนายน 2535 แต่โจทก์นำคดีมาฟ้องต่อศาลเมื่อวันที่ 23 มีนาคม 2537 พ้นกำหนดเวลาดังกล่าว โจทก์จึงสิ้นสิทธิฟ้องร้อง”
พิพากษากลับ ให้ยก ฟ้อง

Share