คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6591/2539

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

ศาลพิพากษาให้จำเลยจดทะเบียนโอนขายที่ดินให้โจทก์ในราคาตามสัญญาจะซื้อขาย โดยให้จำเลยเป็นฝ่ายชำระค่าธรรมเนียมการโอน ค่าอากรแสตมป์ และค่าภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาในส่วนที่เกี่ยวกับราคาซื้อขายตามบัญชีกำหนดจำนวนทุนทรัพย์ในการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเกี่ยวกับที่ดิน (ราคาประเมิน)ที่กำหนดไว้สำหรับที่ดินนั้น โดยให้โจทก์และจำเลยชำระค่าธรรมเนียมการโอน ค่าอากรแสตมป์ และค่าภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาในส่วนที่เกินจากราคาประเมินฝ่ายละครึ่ง ซึ่งราคาประเมินตามคำพิพากษาหมายถึงราคาประเมินที่ใช้อยู่ในขณะเกิดข้อพิพาทเนื่องจากเป็นวันที่ทั้งสองฝ่ายตกลงจะโอนที่ดินกันแต่ต่างโต้แย้งการชำระค่าธรรมเนียมในส่วนที่ราคาเกินจากราคาประเมิน จึงทำให้เกิดข้อพิพาทขึ้น หาใช่เป็นราคาประเมินในขณะทำการจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ทรัพย์พิพาทในภายหลังไม่

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องจากศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำเลยไปจดทะเบียนโอนขายที่ดินโฉนดเลขที่ 32741 และ 32743ตำบลบางเสาธง อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ ให้แก่โจทก์ในราคาตามสัญญาจะซื้อขายเอกสารหมาย จ.1 โดยให้จำเลยเป็นฝ่ายชำระค่าธรรมเนียมการโอน ค่าอากรแสตมป์ และค่าภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาในส่วนที่เกี่ยวกับราคาซื้อขายตามบัญชีกำหนดจำนวนทุนทรัพย์ในการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเกี่ยวกับที่ดิน (ราคาประเมิน)ที่กำหนดไว้สำหรับที่ดินทั้งสองแปลงนั้น โดยให้โจทก์และจำเลยชำระค่าธรรมเนียมการโอน ค่าอากรแสตมป์ และค่าภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาในส่วนที่เกินจากราคาประเมินฝ่ายละครึ่งหากจำเลยไม่ปฏิบัติตามให้ถือเอาตามคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลยได้ต่อเมื่อโจทก์แสดงหลักฐานการวางเงินค่าที่ดินที่สำนักงานวางทรัพย์กรมบังคับคดี กระทรวงยุติธรรม สำหรับราคาที่ดินทั้งสองแปลงในส่วนคงเหลือหลังจากหักค่าธรรมเนียมการโอน ค่าอากรแสตมป์และค่าภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาในส่วนที่จำเลยจะต้องชำระดังกล่าวข้างต้นออกแล้ว ค่าฤชาธรรมเนียมสำหรับศาลชั้นต้นให้เป็นพับให้จำเลยใช้ค่าทนายความชั้นอุทธรณ์ 1,000 บาท แทนโจทก์คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก คดีถึงที่สุด
จำเลยยื่นคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นอธิบายคำพิพากษาคำว่าราคาประเมินตามคำพิพากษาหมายความว่าอย่างไร
โจทก์ไม่คัดค้าน
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า ราคาประเมินตามคำพิพากษานั้นหมายถึงราคาประเมินของกรมที่ดินในวันที่ทำการจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ในทรัพย์พิพาท
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับว่า ราคาประเมินตามคำพิพากษาหมายถึงราคาประเมินที่ใช้อยู่ในขณะเกิดข้อพิพาท (ราคาประเมินในวันที่26 ตุลาคม 2532)
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาโจทก์ว่าราคาประเมินตามคำพิพากษาศาลล่างทั้งสองหมายถึงราคาประเมินที่ใช้อยู่ในขณะเกิดข้อพิพาท เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2532หรือราคาประเมินในขณะทำการจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ในทรัพย์พิพาทเมื่อวันที่ 28 กันยายน 2537 เห็นว่า คดีนี้ข้อเท็จจริงถึงที่สุดแล้วโจทก์จำเลยพิพาทกันโดยตรงว่าโจทก์หรือจำเลยจะต้องชำระค่าธรรมเนียมการโอน ค่าอากรแสตมป์ และภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาในการที่จำเลยจะจดทะเบียนโอนขายทรัพย์พิพาทให้แก่โจทก์โดยโจทก์จำเลยตกลงไปจดทะเบียนโอนขายกันที่สำนักงานที่ดินจังหวัดสมุทรปราการ สาขาบางพลี ในวันที่ 26 ตุลาคม 2532เมื่อถึงวันนัดไม่อาจจดทะเบียนโอนขายกันได้เนื่องจากโจทก์จำเลยต่างโต้แย้งการชำระค่าธรรมเนียมในส่วนที่ราคาเกินจากราคาประเมินจึงเกิดข้อพิพาทกันดังกล่าว ดังนี้ราคาประเมินตามคำพิพากษาศาลล่างทั้งสองนั้นย่อมมีความหมายถึงราคาประเมินที่ใช้อยู่ในขณะเกิดข้อพิพาทเมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2532 หาใช่มีความหมายถึงราคาประเมินในขณะทำการจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ในทรัพย์พิพาทเมื่อวันที่ 28 กันยายน 2537 ซึ่งเกิดขึ้นภายหลังไม่ คำพิพากษาศาลอุทธรณ์จึงชอบแล้ว ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share