แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยที่2ยื่นอุทธรณ์เมื่อวันที่15เมษายน2537โดยมิได้เสียค่าขึ้นศาลและมิได้นำเงินค่าธรรมเนียมซึ่งจะต้องใช้แก่คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งตามคำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลชั้นต้นมาวางพร้อมอุทธรณ์ด้วยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา229และจำเลยที่2ได้ยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลาการวางเงินดังกล่าวออกไป7วันซึ่งศาลชั้นต้นก็สั่งอนุญาตแล้วจึงยังไม่ชอบที่ศาลชั้นต้นจะสั่งรับอุทธรณ์ของจำเลยที่2ในวันยื่นอุทธรณ์นั้นและต่อมาปรากฎว่าจำเลยที่2ก็มิได้นำเงินดังกล่าวมาวางภายในกำหนดระยะเวลาที่ศาลชั้นต้นอนุญาตขยายให้แม้ต่อมาภายหลังศาลชั้นต้นจะมีคำสั่งขยายระยะเวลาให้อีกแต่ก็มิได้สั่งก่อนสิ้นระยะเวลาที่อนุญาตให้ขยายไว้เดิมและไม่ปรากฎว่ามีพฤติการณ์พิเศษหรือเหตุสุดวิสัยที่ศาลชั้นต้นจะสั่งขยายระยะเวลาดังกล่าวอีกได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา23และไม่ใช่กรณีที่ศาลกำหนดเวลาเองโดยอาศัยอำนาจของศาลที่มีอยู่ทั่วไปในการดำเนินกระบวนพิจารณาใดที่ไม่มีกฎหมายบัญญัติไว้โดยเฉพาะดังนั้นเมื่อจำเลยที่2เพิ่งวางเงินดังกล่าวเมื่อวันที่23มิถุนายน2537ซึ่งล่วงเลยกำหนดระยะเวลาการวางเงินตามที่ศาลชั้นต้นสั่งอนุญาตขยายระยะเวลาให้ในครั้งแรกดังกล่าวแล้วแม้ศาลชั้นต้นยังสั่งรับไว้ก็ถือไม่ได้ว่าจำเลยที่2ยื่นอุทธรณ์โดยได้วางเงินค่าธรรมเนียมซึ่งจะต้องใช้แก่คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งตามคำพิพากษาหรือคำสั่งศาลชั้นต้นพร้อมอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา229หรือภายในกำหนดระยะเวลาที่ศาลชั้นต้นสั่งอนุญาตขยายให้โดยชอบการยื่นอุทธรณ์ของจำเลยที่2จึงไม่ชอบด้วยบทกฎหมายดังกล่าว
ย่อยาว
คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินจำนวน 329,200 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับตั้งแต่วันที่ 30 สิงหาคม 2535 จนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลย ที่ 2 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายกอุทธรณ์ของจำเลยที่ 2
จำเลย ที่ 2 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มีปัญหาต้องวินิจฉัยว่า การอุทธรณ์ของจำเลยที่ 2 ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า ศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษา เมื่อวันที่ 15 มีนาคม 2537 จำเลยที่ 2 ยื่นอุทธรณ์วันที่ 15 เมษายน 2537 พร้อมทั้งยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลาการวางเงินค่าฤชาธรรมเนียมที่จะต้องใช้แก่โจทก์ กับค่าขึ้นศาลอุทธรณ์ออกไป7 วัน ศาลชั้นต้นอนุญาตให้ขยายระยะเวลาได้ตามขอ และมีคำสั่งรับอุทธรณ์ของจำเลยที่ 2 ในวันนั้น เมื่อครบกำหนดเวลาที่ศาลชั้นต้นอนุญาตให้ขยายแล้ว จำเลยที่ 2 มิได้วางเงินดังกล่าว และมิได้ยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลาอีกแต่อย่างใด จนกระทั่งวันที่ 8 มิถุนายน2537 โจทก์ยื่นคำแก้อุทธรณ์และยื่นคำแถลงว่า ที่จำเลยขอขยายระยะเวลาการวางเงินค่าฤชาธรรมเนียมที่จะต้องใช้แก่โจทก์ กับค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์ภายใน 7 วันและศาลชั้นต้นอนุญาตให้นั้นเวลาได้ล่วงเลยมาเดือนเศษแล้ว เป็นการประวิงคดีให้ล่าช้า ศาลชั้นต้นมีคำสั่งในคำแถลงของโจทก์ว่า หมายนัดทนายจำเลยที่ 2 ให้ชำระค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้ครบถ้วนภายใน 3 วัน หากไม่ชำระในกำหนดจะสั่งไม่รับอุทธรณ์ ทนายจำเลยที่ 2 รับหมายนัดวันที่19 มิถุนายน 2537 ต่อมาวันที่ 23 เดือนเดียวกัน โจทก์ยื่นคำแถลงว่าพ้นกำหนด 3 วัน นับแต่วันที่รับหมายแล้ว แต่จำเลยที่ 2 เพิกเฉยไม่ยอมวางเงิน ขอให้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งต่อไปปรากฎว่าในวันดังกล่าวมีการวางเงินค่าธรรมเนียมที่จำเลยที่ 2 จะต้องใช้แทนโจทก์กับค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์ ศาลชั้นต้นในคำแถลงของโจทก์ว่า จำเลยที่ 2วางเงินค่าธรรมเนียมมาแล้วในวันนี้เห็นควรให้รับไว้ เนื่องจากพ้นกำหนดเวลาที่ศาลสั่งเพียงวันเดียว เห็นว่า จำเลยที่ 2 ยื่นอุทธรณ์เมื่อวันที่ 15 เมษายน 2537 โดยมิได้เสียค่าขึ้นศาลและมิได้นำเงินค่าธรรมเนียมซึ่งจะต้องใช้แก่คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งตามคำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลชั้นต้นมาวางพร้อมอุทธรณ์ด้วย ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 229 และจำเลยที่ 2ได้ยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลาการวางเงินดังกล่าวออกไป 7 วันซึ่งศาลชั้นต้นก็สั่งอนุญาตแล้ว จึงยังไม่ชอบที่ศาลชั้นต้นจะสั่งรับอุทธรณ์ของจำเลยที่ 2 ในวันยื่นอุทธรณ์นั้น และต่อมาปรากฎว่าจำเลยที่ 2 ก็มิได้นำเงินดังกล่าวมาวางภายในกำหนดระยะเวลาที่ศาลชั้นต้นอนุญาตขยายให้ แม้ต่อมาภายหลังศาลชั้นต้นจะมีคำสั่งขยายระยะเวลาให้อีก แต่ก็มิได้สั่งก่อนสิ้นระยะเวลาที่อนุญาตให้ขยายไว้เดิม และไม่ปรากฎว่ามีพฤติการณ์พิเศษหรือเหตุสุดวิสัยที่ศาลชั้นต้นจะสั่งขยายระยะเวลาดังกล่าวอีกได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 23 และไม่ใช่กรณีที่ศาลกำหนดเวลาเองโดยอาศัยอำนาจของศาลที่มีอยู่ทั่วไปในการดำเนินกระบวนพิจารณาใดที่ไม่มีกฎหมายบัญญัติไว้โดยเฉพาะ ดังนั้นเมื่อจำเลยที่ 2เพิ่งวางเงินดังกล่าวเมื่อวันที่ 23 มิถุนายน 2537 ซึ่งล่วงเลยกำหนดระยะเวลาการวางเงินตามที่ศาลชั้นต้นสั่งอนุญาตขยายระยะเวลาให้ในครั้งแรกดังกล่าวแล้ว แม้ศาลชั้นต้นยังสั่งรับไว้ ก็ถือไม่ได้ว่าจำเลยที่ 2 ยื่นอุทธรณ์โดยได้วางเงินค่าธรรมเนียมซึ่งจะต้องใช้แก่คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งตามคำพิพากษาหรือคำสั่งศาลชั้นต้นพร้อมอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 229หรือภายในกำหนดระยะเวลาที่ศาลชั้นต้นสั่งอนุญาตขยายให้โดยชอบการยื่นอุทธรณ์ของจำเลยที่ 2 จึงไม่ชอบด้วยบทกฎหมายดังกล่าวแล้วที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 ไม่รับวินิจฉัยอุทธรณ์ของจำเลยที่ 2 ชอบแล้ว
พิพากษายืน