แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
จำเลยถึงแก่ความตายในระหว่างการบังคับคดี หน้าที่และความรับผิดย่อมตกทอดแก่ทายาทตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1599,1600เพื่อให้การบังคับเสร็จสิ้นไปเท่านั้น ไม่ใช่เรื่องคดีค้างพิจารณาอันจะต้องปฏิบัติตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 42 และ 44
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยส่งมอบที่ดิน ส่วนที่เป็นอาคารจำนวน 6 คูหา เนื้อที่ 25 คูณ 14 เมตร ตามสัญญาเช่าให้แก่โจทก์ หากจำเลยไม่สามารถส่งมอบให้ได้ ให้จำเลยใช้เงินจำนวน 20,000,000 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงินดังกล่าว นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเงินเสร็จแก่โจทก์ กับให้จำเลยรื้อถอนเพิงที่จำเลยปลูกสร้างขึ้นเพื่อจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่มออกไปจากที่ดินพิพาทกับให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความ 5,000 บาท คำขออื่นให้ยก
ระหว่างบังคับคดีจำเลยถึงแก่ความตาย นายตะวัน พรหมลิทธิ นายประหลาดพรหมลิทธิ และนายพงศ์กวี พรหมลัทธิ ผู้จัดการมรดกของจำเลยยื่นคำร้องขอเข้าเป็นคู่ความแทน ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาต
ต่อมานางแก้วตา อุทยานสิงห์หรือพรหมลิทธิ ผู้จัดการมรดกของจำเลยอีกคนหนึ่งยื่นคำร้องขอเข้าเป็นคู่ความแทนจำเลย และยื่นคำร้องอีกฉบับหนึ่งว่าระหว่างการพิจารณาคดีของศาลชั้นต้น ฝ่ายโจทก์นำพยานเข้าเบิกความ 2 ปาก ฝ่ายจำเลยโดยทนายจำเลยแถลงต่อศาลเมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 2539 ว่า ไม่ติดใจสืบพยานซึ่งกระบวนพิจารณาดังกล่าวเป็นการร่วมกันสมคบฉ้อฉลโดยเจตนาทุจริตระหว่างโจทก์กับทนายจำเลยเพื่อให้คดีเสร็จไปโดยเร็ว เป็นผลให้ศาลพิพากษาให้จำเลยแพ้คดีตามฟ้อง ทำให้คดีของจำเลยเสียหาย โดยไม่มีการแจ้งผลแห่งคดีและปล่อยให้คดีพ้นเวลาอุทธรณ์กระบวนพิจารณาเมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 2539 จึงผิดระเบียบทำให้คำพิพากษาไม่ชอบด้วยกฎหมาย ขอให้ไต่สวนคำร้องและเพิกถอนการดำเนินกระบวนพิจารณาที่ผิดระเบียบทั้งหมด
โจทก์ไม่ค้านที่นางแก้วตาผู้ร้องที่ 4 ขอเข้าเป็นคู่ความแทนจำเลย แต่คัดค้านที่ขอเพิกถอนกระบวนพิจารณาที่ผิดระเบียบ
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า ผู้ร้องที่ 4 ยื่นคำร้องเมื่อพ้นกำหนด 8 วัน นับแต่วันที่ศาลมีคำพิพากษา และตามคำร้องไม่ปรากฏว่ากระบวนพิจารณาไม่ชอบด้วยกฎหมายอย่างไรให้ยกคำร้องขอให้เพิกถอนกระบวนพิจารณาที่ผิดระเบียบ
ผู้ร้องที่ 4 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิพากษายืน
ผู้ร้องที่ 4 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติว่า คดีนี้ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาวันที่ 30 ธันวาคม 2539 โจทก์และจำเลยไม่อุทธรณ์คดีถึงที่สุดแล้ว ต่อมาระหว่างโจทก์ดำเนินการบังคับคดีจำเลยได้ถึงแก่ความตายเมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2541ด้วยโรคชรา คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยว่า ผู้ร้องที่ 4 มีสิทธิยื่นคำร้องขอให้เพิกถอนกระบวนพิจารณาฉบับลงวันที่ 21 พฤศจิกายน 2539 โดยอ้างว่าเป็นกระบวนพิจารณาที่ผิดระเบียบได้หรือไม่ เห็นว่า เมื่อคดีถึงที่สุดแล้วและจำเลยถึงแก่ความตายในระหว่างการบังคับคดี หน้าที่และความรับผิดย่อมตกทอดแก่ทายาทตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1599, 1600 เพื่อให้การบังคับคดีเสร็จสิ้นไปเท่านั้น ไม่ใช่เรื่องคดีค้างพิจารณาอันจะต้องปฏิบัติตามมาตรา 42 และ 44 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ดังนั้น เมื่อจำเลยเป็นผู้ดำเนินคดีโดยแต่งตั้งทนายความต่อสู้คดีมาแต่ต้น จนศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาและคดีถึงที่สุดแล้วเช่นนี้ ผู้ร้องที่ 4 จึงไม่อาจยื่นคำร้องขอเพิกถอนกระบวนพิจารณาดังกล่าวที่อ้างว่าผิดระเบียบได้ ที่ศาลล่างทั้งสองมีคำสั่งและคำพิพากษายกคำร้องมานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยในผล ฎีกาของผู้ร้องที่ 4 ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน