คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2725/2539

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

คำขอท้ายฟ้องของโจทก์ไม่ได้อ้างมาตรา92แห่งพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษพ.ศ.2522อันเป็นกฎหมายซึ่งบัญญัติว่าการเสพกัญชาเป็นความผิดแต่โจทก์ได้อ้างพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ(ฉบับที่2)พ.ศ.2528มาตรา9ซึ่งเป็นบทที่ให้ยกเลิกมาตรา92เดิมและให้ใช้มาตรา92ใหม่แทนถือว่าโจทก์ได้อ้างมาตรา92ที่แก้ไขใหม่ตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา158(6)แล้ว

ย่อยาว

โจทก์ ฟ้อง ขอให้ ลงโทษ ตาม พระราชบัญญัติ ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522มาตรา 4, 7, 15, 26, 67, 76, 102 พระราชบัญญัติ ยาเสพติดให้โทษ(ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2528 มาตรา 9 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 91ริบของกลาง
จำเลย ให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้น พิพากษา ว่า จำเลย มี ความผิด ตาม พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 4, 7, 15, 26, 67, 76, 102พระราชบัญญัติ ยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2528 มาตรา 9ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 91 เรียง กระทง ลงโทษ ฐาน ร่วมกัน มี กัญชาไว้ ใน ครอบครอง โดย มิได้ รับ อนุญาต และ ฐาน ร่วมกัน เสพ กัญชา โดย ฝ่าฝืนกฎหมาย จำคุก กระทง ละ 2 เดือน และ ปรับ กระทง ละ 1,000 บาทฐาน มี เฮโรอีน ไว้ ใน ครอบครอง โดย มิได้ รับ อนุญาต จำคุก 1 ปี รวม จำคุก1 ปี 4 เดือน และ ปรับ 2,000 บาท จำเลย ให้การรับสารภาพ เป็น ประโยชน์แก่ การ พิจารณา นับ เป็นเหตุ บรรเทา โทษ ลดโทษ ให้ กึ่งหนึ่ง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คง จำคุก 8 เดือน และ ปรับ 1,000 บาทจำเลย ไม่เคย ได้รับ โทษ จำคุก มา ก่อน เห็นควร ให้ จำเลย กลับ ตัว เป็นพลเมือง ดี จึง ให้ รอการลงโทษ จำคุก ไว้ 2 ปี คุม ความประพฤติ ของ จำเลยโดย ให้ จำเลย ไป รายงาน ตัว ต่อ จ่าศาล ทุก 3 เดือน ต่อ ครั้ง ภายใน กำหนด2 ปี และ ให้ จำเลย ทำงาน บริการ สังคม ตาม ที่ จ่าศาล เห็นสมควรเป็น เวลา 12 ชั่วโมง ภายใน กำหนด 1 ปี ตาม ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 56 ไม่ชำระ ค่าปรับ จัดการ ตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30ริบของกลาง
โจทก์ อุทธรณ์ ขอให้ ไม่รอการลงโทษ
ศาลอุทธรณ์ ภาค 1 พิพากษาแก้ เป็น ว่า ความผิด ฐาน ร่วมกัน มี กัญชาไว้ ใน ครอบครอง โดย มิได้ รับ อนุญาต ให้ ลงโทษ ตาม มาตรา 76 วรรคหนึ่งรวม โทษ จำคุก 7 เดือน และ ปรับ 500 บาท ยกฟ้อง ความผิด ฐาน ร่วมกันเสพ กัญชา โดย ฝ่าฝืน กฎหมาย นอกจาก ที่ แก้ ให้ เป็น ไป ตาม คำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ ฎีกา
ศาลฎีกา วินิจฉัย ว่า “ที่ โจทก์ ฎีกา ว่าความ ผิด ฐาน ร่วมกัน เสพ กัญชาโดย ฝ่าฝืน กฎหมาย โจทก์ ได้ อ้าง มาตรา ใน กฎหมาย ซึ่ง บัญญัติ ว่าการกระทำ เช่นนั้น เป็น ความผิด ไว้ แล้ว คือ พระราชบัญญัติ ยาเสพติดให้ โทษ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2528 มาตรา 9 ซึ่ง แก้ไข เพิ่มเติม มาตรา 92แห่ง พระราชบัญญัติ ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 การ ที่ ศาลอุทธรณ์ ภาค 1พิพากษายก ฟ้องโจทก์ สำหรับ ความผิด ฐาน นี้ จึง ไม่ถูกต้อง นั้น เห็นว่าแม้ ตาม คำขอ ท้ายฟ้อง ของ โจทก์ จะ ไม่ได้ อ้าง มาตรา 92 แห่ง พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 ไว้ แต่ โจทก์ ก็ ได้ อ้าง พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2528 มาตรา 9 ซึ่ง เป็น บทที่ ให้ยกเลิก มาตรา 92 แห่ง พระราชบัญญัติ ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522และ ให้ ใช้ มาตรา 92 ใหม่ แทน การ อ้าง ถึง มาตรา 9 แห่ง พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2528 ก็ คือ การ อ้าง ถึง มาตรา 92ที่ แก้ไข ใหม่ แล้ว นั่นเอง ถือได้ว่า โจทก์ ได้ อ้าง มาตรา ใน กฎหมาย ซึ่งบัญญัติ ว่าการ เสพ กัญชา เป็น ความผิด ตาม ที่ บัญญัติ ไว้ ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(6) แล้วที่ ศาลอุทธรณ์ ภาค 1 พิพากษายก ฟ้องโจทก์ ใน ความผิด ฐาน ร่วมกัน เสพ กัญชาโดย ฝ่าฝืน กฎหมาย ไม่ต้อง ด้วย ความเห็น ของ ศาลฎีกา ฎีกา โจทก์ข้อ นี้ ฟังขึ้น ”
พิพากษาแก้ เป็น ว่า ให้ บังคับคดี ไป ตาม คำพิพากษา ศาลชั้นต้น

Share