แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
โจทก์จำเลยทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันศาลพิพากษาไปตามยอมจำเลยย่อมอุทธรณ์ได้ว่าฟ้องโจทก์เป็นฟ้องซ้ำและฟ้องซ้อนกับคดีอื่นเพราะเป็นการกล่าวอ้างว่าคำพิพากษาตามยอมละเมิดต่อบทบัญญัติแห่งกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา138วรรคสอง(2) เดิมโจทก์ได้ฟ้องจำเลยขอให้คืนทรัพย์ที่ลูกจ้างของโจทก์นำไปขายให้แก่จำเลยซึ่งพนักงานสอบสวนยังไม่ได้ยึดคืนมาจากจำเลยส่วนคดีนี้โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยคืนทรัพย์อีกส่วนหนึ่งที่พนักงานสอบสวนยึดมาจากจำเลยเป็นของกลางแต่จำเลยติดต่อขอรับคืนไปจากพนักงานสอบสวนหลังจากที่ศาลในคดีอาญาที่จำเลยถูกฟ้องว่าลักทรัพย์หรือรับของโจทก์ได้พิพากษายกฟ้องทรัพย์ที่โจทก์ขอให้คืนในคดีนี้กับคดีก่อนต่างรายกันและประเด็นข้อพิพาทแห่งคดีไม่ใช่ประเด็นเดียวกันจึงไม่เป็นฟ้องซ้อน คดีนี้โจทก์ฟ้องว่าจำเลยโต้แย้งสิทธิของโจทก์ขึ้นใหม่หลังศาลในคดีอาญาพิพากษาแล้วโดยจำเลยรู้อยู่ว่าทรัพย์ในคดีนี้ที่พนักงานสอบสวนยึดไว้เป็นของโจทก์แต่ก็ยังติดต่อขอรับไปจากพนักงานสอบสวนเป็นการกระทำต่างคราวกับที่จำเลยถูกฟ้องเป็นคดีอาญาดังกล่าวจึงไม่ใช่เรื่องที่ได้วินิจฉัยโดยอาศัยเหตุอย่างเดียวกันไม่เป็นฟ้องซ้ำ
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า ลูกจ้างของโจทก์ลักเอาจักรเย็บผ้าอุตสาหกรรมของโจทก์ไปหลายรายการ ต่อมาพนักงานสอบสวนได้ติดตามยึดเอาจักรพังอุตสาหกรรมยี่ห้อซีรูบ้า 2 เครื่อง ได้จากจำเลยไว้เป็นของกลางและดำเนินคดีแก่จำเลยในความผิดฐานลักทรัพย์หรือรับของโจรต่อมาศาลอาญาธนบุรีได้มีคำพิพากษายกฟ้อง ตามคดีหมายเลขแดงที่4052/2536จำเลยซึ่งรู้อยู่แล้วว่าจักรพังอุตสาหกรรมที่พนักงานสอบสวนได้ยึดไว้เป็นของกลางนั้นเป็นของโจทก์ จำเลยยังติดต่อขอรับเอาจักรพ้ง อุตสาหกรรมดังกล่าวไปจากพนักงานสอบสวน อันเป็นการโต้แย้งสิทธิของโจทก์ขอให้บังคับจำเลยคืนจักรพ้ง อุตสาหกรรมยี่ห้อซีรูบ้า 2 เครื่อง ราคา 50,000 บาท แก่โจทก์ หากไม่คืนให้ใช้ราคาแทนพร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ
ในวันนัดสืบพยานโจทก์ โจทก์จำเลยทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาไปตามสัญญาประนีประนอมยอมความนั้น
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายกอุทธรณ์ของจำเลย
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “มีปัญหาตามฎีกาจำเลยว่า คำพิพากษาตามสัญญาประนีประนอมยอมความของศาลชั้นต้นละเมิดต่อบทบัญญัติแห่งกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนหรือไม่จำเลยอุทธรณ์ว่าฟ้องคดีนี้เป็นฟ้องซ้อนกับคดีแพ่งหมายเลขดำที่600/2537 ของศาลชั้นต้นเพราะเป็นมูลคดีพิพาทเดียวกันอันเกิดจากการรับซื้อทรัพย์พิพาททั้งสองคดีเหมือนกัน และคดีดังกล่าวโจทก์ได้ฟ้องจำเลยไว้ก่อนคดีนี้ และขณะฟ้องคดีนี้คดีดังกล่าวยังอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลชั้นต้น นอกจากนี้พนักงานอัยการได้ยื่นฟ้องจำเลยต่อศาลอาญาธนบุรีเป็นคดีอาญาหมายเลขดำที่813/2536 ในข้อหาลักทรัพย์หรือรับของโจร โดยขอให้ศาลสั่งให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์จำนวน 360,000 บาท แก่โจทก์คดีนี้ด้วย และศาลอาญาธนบุรีอนุญาตให้โจทก์คดีนี้ในฐานะผู้เสียหายในคดีอาญาดังกล่าวเข้าเป็นโจทก์ร่วมกับพนักงานอัยการ ในที่สุดศาลอาญาธนบุรีได้พิพากษายกฟ้องโจทก์ จึงถือได้ว่าศาลอาญาธนบุรีได้มีคำพิพากษาชี้ขาดข้อพิพาทแห่งคดีในส่วนแพ่งสิ้นสุดเด็ดขาดแล้วฟ้องโจทก์ในคดีนี้จึงเป็นฟ้องซ้ำนั้น แต่ศาลอุทธรณ์ไม่รับวินิจฉัยอุทธรณ์ของจำเลยดังกล่าว โดยวินิจฉัยว่า จำเลยอุทธรณ์คำพิพากษาศาลชั้นต้นไม่ได้ พิพากษายกอุทธรณ์ของจำเลยศาลฎีกาเห็นว่าตามอุทธรณ์ของจำเลยดังกล่าวเป็นการอุทธรณ์ว่าฟ้องของโจทก์คดีนี้เป็นฟ้องซ้ำและฟ้องซ้อนกับคดีอื่น อันเป็นการกล่าวอ้างว่าคำพิพากษาตามสัญญาประนีประนอมยอมความของศาลชั้นต้นละเมิดต่อบทบัญญัติแห่งกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 138(2)ซึ่งจำเลยมีสิทธิอุทธรณ์ได้ ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายกอุทธรณ์ของจำเลยนั้นเป็นการไม่ชอบและศาลฎีกาเห็นสมควรวินิจฉัยไปโดยไม่ต้องย้อนสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์พิพากษาใหม่ เห็นว่าในคดีแพ่งหมายเลขดำที่ 600/2537 ของศาลชั้นต้น โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยคืนจักรเย็บผ้าอุตสาหกรรมยี่ห้อจูกิ 12 เครื่องจักรพ้ง อุตสาหกรรมยี่ห้อซีรูบ้า 4 เครื่อง และเครื่องตัดผ้าอุตสาหกรรม 2 เครื่อง ของโจทก์ที่ลูกจ้างของโจทก์นำไปขายให้แก่จำเลย ซึ่งพนักงานสอบสวนยังไม่ได้ยึดคืนมาจากจำเลยส่วนคดีนี้โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยคืนจักรพ้ง อุตสาหกรรมยี่ห้อซีรูบ้าของโจทก์อีก 2 เครื่อง ที่พนักงานสอบสวนยึดได้จากจำเลยเป็นของกลาง แต่จำเลยได้ติดต่อขอรับคืนไปจากพนักงานสอบสวนในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 4052/2536 ภายหลังจากศาลอาญาธนบุรีพิพากษายกฟ้องแล้ว จักรพ้ง อุตสาหกรรมยี่ห้อซีรูบ้าในคดีนี้กับจักรพ้ง อุตสาหกรรมในคดีแพ่งหมายเลขดำที่ 600/2537 ของศาลชั้นต้นเป็นทรัพย์ต่างรายกัน ประเด็นข้อพิพาทแห่งคดีไม่ใช่ประเด็นเดียวกัน ฟ้องโจทก์คดีนี้จึงไม่เป็นฟ้องซ้อนกับคดีแพ่งหมายเลขดำที่ 600/2537 ของศาลชั้นต้น ส่วนปัญหาเรื่องฟ้องซ้ำนั้นเห็นว่าคดีนี้โจทก์ฟ้องว่าจำเลยกระทำการโต้แย้งสิทธิของโจทก์ขึ้นใหม่ภายหลังจากที่ศาลอาญาธนบุรีพิพากษาคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 4052/2536 แล้วโดยจำเลยรู้อยู่แล้วว่าจักรพ้ง อุตสาหกรรมยี่ห้อซีรูบ้า 2 เครื่อง ในคดีนี้ที่พนักงานสอบสวนได้ยึดไว้เป็นของกลางนั้นเป็นของโจทก์แต่จำเลยยังติดต่อขอรับเอาจักรพ้ง อุตสาหกรรมดังกล่าวไปจากพนักงานสอบสวนเป็นการกระทำต่างคราวกันกับที่จำเลยถูกฟ้องตามคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 4052/2536ของศาลอาญาธนบุรี ในข้อหาลักทรัพย์หรือรับของโจรจักรพ้ง อุตสาหกรรมดังกล่าว จึงไม่ใช่เป็นเรื่องที่ได้วินิจฉัยโดยอาศัยเหตุอย่างเดียวกัน ไม่เป็นฟ้องซ้ำฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้บังคับคดีไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น