คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1733/2500

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ในเรื่องแผงลอยเป็นของเทศบาลหรือไม่และโจทก์เสียหายหรือไม่นั้น ได้เป็นประเด็นในคดีซึ่งทั้งโจทก์จำเลยได้นำสืบเสร็จสำนวนมาแล้ว ศาลอุทธรณ์ย่อมมีอำนาจที่จะวินิจฉัยพิพากษาให้เสร็จไปได้โดยไม่จำเป็นต้องย้อนสำนวนไปให้ศาลชั้นต้นพิพากษาใหม่ (อ้างฎีกาที่ 144/2492)
ร้านแผงลอยเป็นสังหาริมทรัพย์
จำเลยอ้างพยานเอกสารไว้ด้วยในการประกอบข้อต่อสู้ที่ว่าโจทก์ได้ยกร้านแผงลอยซึ่งเป็นสังหาริมทรัพย์ ให้เทศบาลแล้วแต่เมื่อจำเลยเพียงนำพยานบุคคลมาสืบก็รับฟังได้เช่นนี้แล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องนำพยานเอกสารเช่นว่านั้นมาสืบ

ย่อยาว

ได้ความว่า เดิมโจทก์เป็นเจ้าของร้านแผงลอย แล้วโจทก์ยกร้านแผงลอยให้เทศบาลเมืองราชบุรี จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นนายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองราชบุรี ได้สั่งให้จำเลยที่ 2-3 ซึ่งเป็นพนักงานเทศบาลรื้อแผงลอยดังกล่าว โจทก์จึงฟ้องเรียกค่าเสียหาย

ศาลฎีกาพิพากษายืนตามศาลล่างทั้งสอง ให้ยกฟ้องโจทก์

ในข้อกฎหมายศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ในเรื่องแผงลอยเป็นของเทศบาลหรือไม่และโจทก์เสียหายหรือไม่นั้น ได้เป็นประเด็นในคดีนี้ซึ่งทั้งโจทก์จำเลยได้นำสืบเสร็จสำนวนมาแล้ว ศาลอุทธรณ์ย่อมมีอำนาจที่จะวินิจฉัยพิพากษาให้เสร็จไปได้ โดยไม่จำเป็นต้องย้อนสำนวนไปให้ศาลชั้นต้นพิพากษาใหม่ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 240(3) และฎีกาที่ 144/2492

ส่วนข้อที่โจทก์ฎีกาว่า การยกแผงลอยรายพิพาทให้แก่เทศบาลจำเลยอ้างว่ามีหนังสือยกให้ ก็ต้องนำพยานเอกสารมาสืบนั้น ศาลฎีกาเห็นว่าร้านแผงลอยรายพิพาทเป็นสังหาริมทรัพย์ เมื่อโจทก์ยกให้แก่เทศบาลเมืองราชบุรีโดยได้ส่งมอบให้แล้ว การให้นั้นย่อมสมบูรณ์เมื่อได้ส่งมอบร้านแผงลอยนั้นให้แก่เทศบาลแล้ว ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 523 จำเลยนำพยานบุคคลมาสืบ ก็รับฟังได้โดยไม่จำต้องอาศัยพยานเอกสารมาสืบดังฎีกาของโจทก์

Share