แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
การจะได้สิทธิในทางพิพาทตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1401ต้องเป็นการใช้โดยความสงบโดยเปิดเผยด้วยเจตนาให้ทางพิพาทนั้นตกเป็นภารจำยอมติดต่อกันเกินกว่า10ปีบิดามารดาโจทก์และโจทก์ถือวิสาสะใช้ทางพิพาทผ่านที่ดินของจำเลยมาก่อนเพราะนับถือกันเหมือนญาติและโจทก์เองได้ใช้ทางพิพาทต่อมาเพราะเข้าใจว่าเป็นทางสาธารณะถือไม่ได้ว่าเป็นการใช้สิทธิผ่านทางพิพาทโดยปรปักษ์แม้จะใช้มาเกินกว่า10ปีทางพิพาทก็ไม่ตกเป็นภารจำยอมตามกฎหมายเมื่อจำเลยไม่ประสงค์จะให้ใช้ทางต่อไปจึงมีสิทธิทำรั้วปิดกั้นทางพิพาทได้ไม่เป็นการละเมิดสิทธิของโจทก์
ย่อยาว
โจทก์ ฟ้อง ขอให้ บังคับ จำเลย จดทะเบียน ให้ ทาง ใน แผนที่ ท้ายฟ้องของ โฉนด ที่ดิน ที่ 8516, 8589 เป็น ทางภารจำยอม สำหรับ ที่ดิน ตามโฉนด ที่ 941 หาก จำเลย ไม่ จัดการ ให้ ถือเอา คำพิพากษา แทน การแสดง เจตนา ของ จำเลย ให้ จำเลย รื้อถอน รั้ว และ สิ่ง กีดขวาง ต่าง ๆออกจาก ทางภารจำยอม หาก ไม่ยอม รื้อ ให้ โจทก์ รื้อ สิ่ง กีดขวางดังกล่าว โดย คิด ค่าใช้จ่าย จาก จำเลย
จำเลย ให้การ ว่า ทางเดิน พิพาท ไม่ใช่ ทางภารจำยอม บรรพบุรุษของ โจทก์ และ โจทก์ กับ บริวาร ไม่ได้ ใช้ ทางพิพาท อย่าง ปรปักษ์แต่ ได้ ใช้ ทางพิพาท โดย ถือ วิสาสะ ความ คุ้นเคย และ อาศัย จำเลย ตลอดมาเป็น ครั้งคราว ยัง ไม่ถึง 10 ปี ขอให้ ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้น พิพากษา ให้ จำเลย จดทะเบียน ตาม แนวเขต ทาง ใน แผนที่วิวาท เอกสาร หมาย จ. 4 ของ โฉนด เลขที่ 8516 และ โฉนด ที่ 8589ตำบล หัวตะพาน อำเภอ เมือง เพชรบุรี จังหวัด เพชรบุรี เป็น ทางภารจำยอม สำหรับ ที่ดิน โฉนด ที่ 941 ตำบล หัวตะพาน อำเภอ เมือง เพชรบุรี จังหวัด เพชรบุรี หาก จำเลย ไม่ ดำเนินการ ให้ ถือเอาคำพิพากษา แทน การแสดง เจตนา ของ จำเลย ให้ จำเลย รื้อถอน รั้ว และสิ่ง กีดขวาง ออกจาก เส้นทาง ดังกล่าว
จำเลย อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ พิพากษายืน
จำเลย ฎีกา
ศาลฎีกา วินิจฉัย ว่า “พิเคราะห์ แล้ว ข้อเท็จจริง ที่ ไม่ โต้เถียงกัน ฟัง เป็น ยุติ ว่า โจทก์ เป็น เจ้าของ กรรมสิทธิ์ ที่ดิน ตาม โฉนด ที่ 941ตำบล หัวตะพาน อำเภอ เมือง เพชรบุรี จังหวัด เพชรบุรี ส่วน จำเลย เป็น เจ้าของ กรรมสิทธิ์ ที่ดิน ตาม โฉนด ที่ 8516 และ 8589ตำบล หัวตะพาน อำเภอ เมือง เพชรบุรี จังหวัด เพชรบุรี ที่ดิน ของ โจทก์ ติดกับ ที่ดิน ของ จำเลย ทาง ด้าน ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ โจทก์เคย ใช้ ทางพิพาท ตาม แผนที่ วิวาท เอกสาร หมาย จ. 4 ผ่าน ที่ดิน ของจำเลย ทั้ง สอง แปลง ดังกล่าว ออก สู่ ถนน เพชรเกษม ซึ่ง อยู่ ทาง ทิศตะวันตกเฉียงใต้ ต่อมา จำเลย ได้ ทำ รั้ว ปิด กั้น ไม่ให้ โจทก์ผ่าน ทางพิพาท มี ปัญหา ต้อง วินิจฉัย ตาม ฎีกา ของ จำเลย ว่า การ ที่โจทก์ ใช้ ทางพิพาท ผ่าน ที่ดิน ของ จำเลย นั้น ทำให้ ทางพิพาท ตกเป็นภารจำยอม แก่ ที่ดิน ของ โจทก์ หรือไม่ จึง ฟังได้ ว่า บิดา มารดา โจทก์และ โจทก์ ใช้ ทางพิพาท ผ่าน ที่ดิน ของ จำเลย โดย ถือ วิสาสะ เพราะ นับถือ กันเหมือน ญาติ และ โจทก์ เอง เข้าใจ ว่า ทางพิพาท เป็น ทางสาธารณะ เห็นว่าการ จะ ได้ สิทธิ ใน ทางพิพาท ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1401นั้น จะ ต้อง เป็น การ ใช้ ทางพิพาท โดย ความสงบ และ โดย เปิดเผยด้วย เจตนา ให้ ทางพิพาท นั้น ตกเป็น ภารจำยอม และ ได้ ใช้ ติดต่อ กันเกินกว่า 10 ปี ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382จึง จะ ทำให้ ทางพิพาท ตกเป็น ภารจำยอม ได้ แต่ ตาม ข้อเท็จจริงได้ความ แต่เพียง ว่า บิดา มารดา โจทก์ และ โจทก์ ถือ วิสาสะ ใช้ ทางพิพาทผ่าน ที่ดิน ของ จำเลย มา ก่อน ก็ เพราะ นับถือ กัน เหมือน ญาติ และ โจทก์เอง ได้ ใช้ ทางพิพาท ต่อมา เพราะ เข้าใจ ว่า ทางพิพาท เป็น ทางสาธารณะเช่นนี้ ยัง ถือไม่ได้ว่า เป็น การ ใช้ สิทธิ ผ่าน ทางพิพาท โดย ปรปักษ์ดัง ที่ บัญญัติ ไว้ ใน ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1401ประกอบ กับ มาตรา 1382 แม้ โจทก์ จะ ใช้ ทางพิพาท มา เกินกว่า 10 ปีทางพิพาท ก็ ไม่ ตกเป็น ภารจำยอม ตาม กฎหมาย เมื่อ จำเลย ไม่ประสงค์จะ ให้ โจทก์ ใช้ ทางพิพาท อีก ต่อไป จำเลย จึง มีสิทธิ ทำ รั้ว ปิด กั้นทางพิพาท ได้ ไม่เป็น การ ละเมิด สิทธิ ของ โจทก์ แต่อย่างใด ที่ ศาลล่างทั้ง สอง พิพากษา มา นั้น ไม่ต้อง ด้วย ความเห็น ของ ศาลฎีกา ฎีกา ของจำเลย ฟังขึ้น ”
พิพากษากลับ ให้ยก ฟ้องโจทก์