คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5066/2538

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้ศาลตั้งก. เป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตายผู้ร้องจึงเป็นคู่ความในคดีนี้ส่วนก. มิได้เป็นผู้มีส่วนได้เสียที่ถูกกระทบสิทธิโดยคำสั่งศาลชั้นต้นและคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ถือว่าก. เป็นบุคคลภายนอกคดีไม่อยู่ในฐานะจะยื่นอุทธรณ์หรือฎีกาคัดค้านคำสั่งศาลชั้นต้นและคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ได้ปัญหาว่าก. มีอำนาจฟ้องอุทธรณ์หรือฎีกาหรือไม่เป็นปัญหาข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา142(5)ประกอบด้วยมาตรา246,247

ย่อยาว

ผู้ร้องยื่นคำร้องขอว่า ผู้ร้องเป็นมารดาโดยชอบด้วยกฎหมายของนายสมาน ประจวบมี นายสมานถึงแก่ความตาย ก่อนตายมีทรัพย์สินหลายรายการ ผู้ร้องประสงค์จะรับโอนทรัพย์มรดกของผู้ตายดังกล่าวแต่เจ้าหน้าที่ไม่สามารถจัดการให้ได้ ผู้ร้องจึงยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งตั้งนางโกมินทร์ แย้มสว่าง บุตรผู้ร้องซึ่งเป็นพี่สาวของผู้ตายให้เป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตาย
ผู้คัดค้านยื่นคำคัดค้านว่า ผู้คัดค้านอยู่กินฉันสามีภริยากับนายสมาน ประจวบมี ผู้ตาย โดยไม่ได้จดทะเบียนสมรสบัญชีทรัพย์ท้ายคำร้องของผู้ร้องนั้นเป็นทรัพย์ที่ผู้คัดค้านและผู้ตายทำมาหาได้ร่วมกัน ผู้คัดค้านจึงถือว่าเป็นผู้มีส่วนได้เสียผู้ร้องและนางโกมินทร์มีคุณสมบัติไม่เหมาะสมที่จะเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตาย ขอให้มีคำสั่งยกคำร้องของผู้ร้องและมีคำสั่งตั้งผู้คัดค้านเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตาย
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้นางโกมินทร์ แย้มสว่าง และนางพรรณิภา บุญลือ ผู้คัดค้านร่วมกันเป็นผู้จัดการมรดกไม่มีพินัยกรรมของนายสมาน ประจวบมี ผู้ตาย ให้มีสิทธิและหน้าที่ตามกฎหมาย
นางโกมินทร์ แย้มสว่าง ผู้จัดการมรดกอุทธรณ์ ขอให้ตั้งนางโกมินทร์เป็นผู้จัดการมรดกเพียงผู้เดียว
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
นางโกมินทร์ แย้มสว่าง ผู้จัดการมรดกฎีกาขอให้ตั้งนางโกมินทร์เป็นผู้จัดการมรดกเพียงผู้เดียว
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้เห็นสมควรยกปัญหาเรื่องผู้มีสิทธิอุทธรณ์หรือฎีกาขึ้นวินิจฉัยก่อนว่า นางโกมินทร์ แย้มสว่างผู้จัดการมรดกมีสิทธิยื่นอุทธรณ์หรือฎีกาคัดค้านคำสั่งศาลชั้นต้นและคำพิพากษาศาลอุทธรณ์หรือไม่ เห็นว่า คดีนี้ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้ศาลตั้งนางโกมินทร์เป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตาย ผู้ร้องจึงเป็นคู่ความในคดีนี้ ส่วนนางโกมินทร์มิได้เป็นผู้มีส่วนได้เสียที่ถูกกระทบสิทธิโดยคำสั่งศาลชั้นต้นและคำพิพากษาศาลอุทธรณ์แต่อย่างใด ถือว่านางโกมินทร์เป็นบุคคลภายนอกคดีไม่อยู่ในฐานะที่จะยื่นอุทธรณ์หรือฎีกาคัดค้านคำสั่งของศาลชั้นต้น และคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ได้ ปัญหาที่ต้องวินิจฉัยต่อไปมีว่า ผู้คัดค้านมิได้ฎีกาหรือยื่นคำแก้ฎีกาในประเด็นข้อนี้ไว้ ศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยหรือไม่ เห็นว่า นางโกมินทร์มีอำนาจฟ้องอุทธรณ์หรือฎีกาหรือไม่ เป็นปัญหาข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 142(5) ประกอบด้วยมาตรา 246, 247 ศาลอุทธรณ์รับวินิจฉัยอุทธรณ์ของนางโกมินทร์และศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาของนางโกมินทร์ไว้เป็นการมิชอบ
พิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์และฎีกาของนางโกมินทร์แย้มสว่าง ให้บังคับคดีไปตามคำสั่งศาลชั้นต้น คืนค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์และฎีกาให้นางโกมินทร์ ค่าทนายความชั้นอุทธรณ์และฎีกาให้เป็นพับ

Share