คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2951/2538

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

คดีมีประเด็นข้อพิพาทว่าที่ดินพิพาทเป็นทรัพย์มรดกของ ผ.หรือไม่หรือจำเลยได้ครอบครองที่ดินพิพาทจนได้กรรมสิทธิ์แล้วเมื่อศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าจำเลยครอบครองที่ดินพิพาทแทน ผ.จึงไม่ได้กรรมสิทธิ์แต่คำขอท้ายฟ้องของโจทก์ที่ขอให้พิพากษาเพิกถอนคำสั่งศาลในคดีเดิมที่สั่งว่าจำเลยมีกรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทและให้จำเลยส่งมอบโฉนดที่ดินแก่โจทก์เพื่อจะได้ร้องขอเป็นผู้จัดการมรดกเพื่อจัดการแบ่งให้แก่ทายาทต่อไปมิอาจบังคับให้ได้จึงพิพากษายกฟ้องการที่โจทก์อุทธรณ์ว่าศาลควรพิพากษาตามคำขอดังกล่าวและจำเลยยื่นคำแก้อุทธรณ์ว่า ผ. ยกที่ดินพิพาทให้แก่จำเลยและจำเลยได้กรรมสิทธิ์โดยการครอบครองแล้วประเด็นข้อพิพาทดังกล่าวจึงหาได้ยุติตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นไม่เพราะย่อมมีประเด็นตามคำแก้อุทธรณ์ของจำเลยศาลอุทธรณ์จึงมีอำนาจวินิจฉัยว่าที่ดินพิพาทตกเป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลยโดยการครอบครองปรปักษ์ได้หาใช่เป็นการวินิจฉัยข้อเท็จจริงใหม่ไม่

ย่อยาว

โจทก์ ฟ้อง ว่า โจทก์ เป็น พี่น้อง ร่วม บิดา มารดา เดียว กัน กับนาย ผัน งามขำ จำเลย เป็น บุตร ของ นาย ผัน ที่ดิน โฉนด เลขที่ 2939 เนื้อที่ 1 ไร่ 1 งาน 57 เศษ 4 ส่วน 10 ตารางวา เดิมเป็น กรรมสิทธิ์รวม ของ จำเลย กับ นาง สุนันท์ สังข์แก้ว และ นางสาว เผื่อน งามขำ นางสาว เผื่อน เป็น น้อง ของ โจทก์ ที่ดิน ส่วน ของ จำเลย กับ นาง สุนันท์ ได้รับ ยกให้ จาก นางสาว เผื่อน จำนวน เนื้อที่ รวมกัน 1 ไร่ โดย ได้รับ ยกให้ เมื่อ วันที่ 5 มีนาคม 2527ที่ดิน ส่วน ของ นางสาว เผื่อน คงเหลือ 1 งาน 57 เศษ 4 ส่วน 10ตารางวา นางสาว เผื่อน ถึงแก่กรรม ไป ได้ 2 ปี เศษ ที่ดิน ส่วน ของ นางสาว เผื่อน จึง เป็น มรดก ตก ได้ แก่ โจทก์ และ ทายาท ต่อมา กลาง ปี 2533 จำเลย ยื่น คำร้องขอ แสดง กรรมสิทธิ์ ที่ดิน ต่อ ศาลชั้นต้น ตาม คดีแพ่ง หมายเลขแดง ที่ 1094/2533 โดย โจทก์ ไม่ทราบ และ ศาลชั้นต้นมี คำสั่ง ว่า ที่ดิน เฉพาะ ส่วน ของ นางสาว เผื่อน ตกเป็น กรรมสิทธิ์ ของ จำเลย ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382 การกระทำของ จำเลย เป็น การ ใช้ สิทธิ โดย ไม่สุจริต เพราะ นางสาว เผื่อน ไม่ได้ ยก ที่ดิน ดังกล่าว ให้ จำเลย ขอให้ พิพากษา เพิกถอน คำสั่งศาลชั้นต้น ใน คดีแพ่ง หมายเลขแดง ที่ 1094/2533 ให้ จำเลย ส่งมอบ โฉนดที่ดิน แก่ โจทก์ เพื่อ จะ ได้ ร้องขอ เป็น ผู้จัดการมรดก เพื่อ จัดการ แบ่งทรัพย์สิน ให้ แก่ ทายาท ต่อไป
จำเลย ให้การ ว่า นางสาว เผื่อน งามขำ เป็น พี่น้อง ร่วม บิดา มารดา เดียว กัน กับ บิดา จำเลย นางสาว เผื่อน ไม่มี สามี และ บุตร ก่อน นางสาว เผื่อน ถึงแก่กรรม ประมาณ 30 ปี จำเลย รับ นางสาว เผื่อน มา อยู่ ด้วย และ อุปการะ นางสาว เผื่อน ประดุจ มารดา ของ จำเลย ก่อน นางสาว เผื่อน ถึงแก่กรรม ประมาณ 20 ปี นางสาว เผื่อน ได้ ยก ที่ดิน ส่วน ของ ตน ตาม โฉนด พิพาท เนื้อที่ 1 งาน 57 เศษ 4 ส่วน 10ตารางวา ให้ แก่ จำเลย และ นับแต่ นั้น มา จำเลย ได้ เข้า ครอบครอง ทำประโยชน์ โดย ความสงบ และ โดย เปิดเผย ด้วย เจตนา เป็น เจ้าของ ติดต่อกัน มา เป็น เวลา 20 ปี เศษ โจทก์ ไม่ได้ ฟ้อง จำเลย ภายใน 1 ปี นับแต่นางสาว เผื่อน ถึงแก่กรรม คดี โจทก์ จึง ขาดอายุความ โจทก์ ไม่ใช่ ผู้จัดการมรดก จึง ไม่มี สิทธิ ขอให้ จำเลย ส่งมอบ โฉนด ที่ดิน แก่ โจทก์ขอให้ ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้น พิพากษายก ฟ้อง
โจทก์ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ พิพากษายืน
โจทก์ ฎีกา
ศาลฎีกา วินิจฉัย ว่า “ปัญหา ที่ ต้อง วินิจฉัย ตาม ฎีกา ของ โจทก์มี เพียง ว่า ศาลอุทธรณ์ มีอำนาจ วินิจฉัย ว่า ที่ดินพิพาท ตกเป็นกรรมสิทธิ์ ของ จำเลย โดย การ ครอบครองปรปักษ์ หรือไม่ คดี นี้ โจทก์ฟ้อง ว่า โจทก์ เป็น พี่น้อง ร่วม บิดา มารดา เดียว กัน กับ นาง ผัน งามขำ นางสาว เผื่อน งามขำ เป็น น้องสาว โจทก์ ส่วน จำเลย เป็น บุตร ของ นาง ผัน นางสาวเผื่อน เป็น เจ้าของ ที่ดินพิพาท โดย นางสาว เผื่อน ไม่มี สามี และ บุตร เมื่อ นางสาว เผื่อน ถึงแก่กรรม ที่ดินพิพาท จึง เป็น ทรัพย์มรดก ตก ได้ แก่ โจทก์ และ ทายาท เมื่อ ปี 2533 จำเลย ยื่น คำร้องขอแสดงกรรมสิทธิ์ ใน ที่ดินพิพาท และ ศาล มี คำสั่ง ว่า ที่ดินพิพาท ตกเป็นกรรมสิทธิ์ ของ จำเลย ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382ปรากฏ ตาม คดีแพ่ง หมายเลขแดง ที่ 1094/2533 ของ ศาลชั้นต้น การกระทำของ จำเลย เป็น การ ใช้ สิทธิ โดย ไม่สุจริต เพราะ นางสาว เผื่อน มิได้ ยก ที่ดินพิพาท ให้ แก่ จำเลย ขอให้ ศาล พิพากษา เพิกถอน คำสั่งศาล ชั้นต้นดังกล่าว และ ให้ จำเลย ส่งมอบ โฉนด ที่ดินพิพาท ให้ แก่ โจทก์ เพื่อ จะ ได้ร้องขอ เป็น ผู้จัดการมรดก เพื่อ จัดการ แบ่ง ทรัพย์สิน ให้ แก่ ทายาท ต่อไปจำเลย ให้การ ว่า จำเลย เป็น ผู้อุปการะ เลี้ยงดู นางสาว เผื่อน ก่อน นางสาว เผื่อน ถึงแก่กรรม ประมาณ 20 ปี นางสาว เผื่อน ยก ที่ดิน พิพาท ให้ แก่ จำเลย จำเลย ได้ ครอบครอง โดย สงบ และ โดย เปิดเผย ด้วยเจตนา เป็น เจ้าของ มาก ว่า 10 ปี จำเลย จึง ได้ กรรมสิทธิ์ ใน ที่ดินพิพาทขอให้ ยกฟ้อง เห็นว่า ตาม คำฟ้อง ของ โจทก์ และ คำให้การ ของ จำเลยดังกล่าว ประเด็น แห่ง คดี มี ว่า ที่ดินพิพาท เป็น ทรัพย์มรดก ของนางสาว เผื่อน หรือไม่ หรือ จำเลย ได้ ครอบครอง ที่ดินพิพาท จน ได้ กรรมสิทธิ์ ใน ประเด็น ดังกล่าว ศาลชั้นต้น ฟัง ข้อเท็จจริง ว่านางสาว เผื่อน มิได้ ยก ที่ดินพิพาท ให้ แก่ จำเลย จำเลย ครอบครอง ที่ดิน พิพาท แทน นางสาว เผื่อน จำเลย ไม่ได้ กรรมสิทธิ์ ใน ที่ดินพิพาท โจทก์ จึง เป็น ทายาท ผู้มีสิทธิ รับมรดก ใน ที่ดินพิพาท แต่ คำขอ ของ โจทก์ มิอาจบังคับ ให้ ได้ พิพากษายก ฟ้อง โจทก์ อุทธรณ์ ว่า เมื่อ ศาลชั้นต้น ฟังข้อเท็จจริง ว่า โจทก์ เป็น ทายาท ผู้มีสิทธิ รับมรดก ใน ที่ดินพิพาท ศาล ควรจะ พิพากษา เพิกถอน คำสั่งศาล ชั้นต้น และ ให้ จำเลย ส่งมอบ โฉนด แก่ โจทก์ตาม ฟ้อง จำเลย ยื่น คำแก้อุทธรณ์ ว่า นางสาว เผื่อน ยก ที่ดินพิพาท ให้ แก่ จำเลย และ จำเลย ได้ กรรมสิทธิ์ ใน ที่ดินพิพาท โดย การ ครอบครอง แล้วเมื่อ ข้อเท็จจริง เป็น เช่นนี้ ประเด็น ข้อพิพาท ที่ ว่า ที่ดินพิพาท เป็นทรัพย์มรดก ของ นางสาว เผื่อน หรือไม่ หรือ จำเลย ได้ ครอบครอง ที่ดินพิพาท จน ได้ กรรมสิทธิ์ จึง หา ได้ ยุติ ไป ตาม คำพิพากษา ศาลชั้นต้นดัง ที่ โจทก์ เข้าใจ ไม่ เพราะ คดี ย่อม มี ประเด็น ตาม คำแก้อุทธรณ์ ของจำเลย ที่ ศาลอุทธรณ์ จะ ยกขึ้น วินิจฉัย ได้ ดังนั้น ที่ ศาลอุทธรณ์วินิจฉัย ข้อเท็จจริง ว่า ที่ดินพิพาท ตกเป็น กรรมสิทธิ์ ของ จำเลย โดยการ ครอบครองปรปักษ์ ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382ศาลอุทธรณ์ จึง มีอำนาจ วินิจฉัย ได้ หาใช่ เป็น การ วินิจฉัย ข้อเท็จจริงใหม่ อย่างใด ไม่ ศาลอุทธรณ์ พิพากษา ชอบแล้ว ฎีกา โจทก์ ฟังไม่ขึ้น ”
พิพากษายืน

Share