แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์มิได้ฟ้องขอให้บังคับจำเลยโดยอาศัยสัญญาเช่า แต่ฟ้องขับไล่เนื่องจากจำเลยเข้าไปอยู่ในที่ดินพิพาทโดยไม่มีสิทธิฟ้องโจทก์จึงไม่ต้องระบุรายละเอียดว่า จำเลยเช่าที่ดินส่วนไหนของที่ดินโจทก์ ที่ดินที่เช่ามีจำนวนเท่าใด ทำสัญญาเช่ากันหรือไม่และคิดค่าเช่าเท่าใด ทั้งจำเลยก็ให้การต่อสู้ว่าไม่เคยเช่าที่ดินจากโจทก์ ที่ดินที่จำเลยปลูกโรงเรือนเป็นที่สาธารณะ แสดงว่าจำเลยทราบแล้วว่าที่ดินพิพาทอยู่บริเวณใดของที่ดินโจทก์ ฟ้องโจทก์จึงไม่เคลือบคลุม
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ให้จำเลยเช่าที่ดินบางส่วนของโฉนดเลขที่ 1282 ของโจทก์ แล้วจำเลยได้ปลูกโรงเรือนในที่ดินนั้นเพื่อทำเป็นบ่อนการพนันสะบ้า ต่อมาจำเลยเลิกกิจการและไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับที่ดินของโจทก์อีก โจทก์นำที่ดินบริเวณดังกล่าวไปให้ผู้อื่นเช่า แต่จำเลยคัดค้าน ทำให้ผู้อื่นเลิกเช่าและจำเลยเข้าไปอยู่โรงเรือนเดิมแทนโดยโจทก์ไม่ยินยอม ขอให้บังคับจำเลยและบริวารรื้อถอนและขนย้ายสิ่งปลูกสร้างออกไปจากที่ดินของโจทก์พร้อมทั้งขนย้ายทรัพย์สินและบริวารออกจากที่ดินแล้วส่งมอบที่ดินพิพาทคืนโจทก์ในสภาพเรียบร้อย ให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายเดือนละ 400 บาท นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะออกจากที่ดินของโจทก์
จำเลยให้การว่า ฟ้องโจทก์เคลือบคลุม เนื่องจากไม่แจ้งว่าจำเลยเช่าที่ดินส่วนไหน ค่าเช่าเท่าไหร่ การเช่ามีข้อตกลงกันอย่างไรและมีเอกสารการเช่าหรือไม่ จำเลยไม่เคยเช่าที่ดินจากโจทก์ ที่ดินที่จำเลยปลูกสร้างโรงเรือนเป็นที่สาธารณะ โจทก์เสียหายไม่เกินเดือนละ 100 บาท ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า ให้จำเลยและบริวารรื้อถอนขนย้ายสิ่งปลูกสร้างออกไปจากที่ดินของโจทก์โฉนดเลขที่ 1282 กับให้จำเลยใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์เดือนละ 200 บาท นับแต่วันฟ้องไปจนกว่าจะออกจากที่ดินของโจทก์
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ตามฟ้องโจทก์เป็นเรื่องกล่าวหาว่าจำเลยเคยเช่าที่ดินพิพาทจากโจทก์และปลูกโรงเรือนไว้ ต่อมาจำเลยออกจากที่ดินพิพาทไป ไม่ได้เข้าไปเกี่ยวข้องอีก แต่ภายหลังจำเลยกลับเข้าไปอยู่ในโรงเรือนเดิมโดยโจทก์ไม่ได้ยินยอม ขอให้บังคับจำเลยกับบริวารรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างและออกไปจากที่ดินพิพาท เห็นว่า โจทก์มิได้ฟ้องขอให้บังคับจำเลยโดยอาศัยข้อสัญญาเช่าที่ดินพิพาท แต่เป็นการฟ้องขับไล่เนื่องจากจำเลยเข้าไปอยู่ในที่ดินพิพาทโดยไม่มีสิทธิฟ้องโจทก์จึงไม่ต้องระบุรายละเอียดว่าจำเลยเช่าที่ดินส่วนไหนของที่ดินโจทก์ ที่ดินที่เช่ามีจำนวนเท่าใด ทำสัญญาเช่ากันหรือไม่และคิดค่าเช่ากันเท่าใด ทั้งจำเลยเองก็ให้การต่อสู้ว่าไม่เคยเช่าที่ดินจากโจทก์และที่ดินที่จำเลยปลูกโรงเรือนเป็นที่สาธารณะแสดงว่าจำเลยทราบแล้วว่า ที่ดินพิพาทอยู่บริเวณใดของที่ดินโจทก์ฟ้องโจทก์ได้แสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาของโจทก์ ทั้งข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาเช่นว่านั้นและคำขอบังคับแล้ว ฟ้องโจทก์จึงไม่เคลือบคลุม
พิพากษายืน