แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
การที่ผู้คัดค้านขอให้ศาลสั่งแสดงว่าผู้คัดค้านเป็นบุตรบุญธรรมย่อมเป็นทายาทโดยธรรมที่ชอบด้วยกฎหมายของผู้ตายนอกจากมิได้มีกฎหมายบัญญัติรองรับให้ผู้คัดค้านใช้สิทธิร้องขอต่อศาลได้แล้วกรณีก็มิใช่ความจำเป็นที่จะต้องใช้สิทธิทางศาลเพราะหากผู้คัดค้านเป็นบุตรบุญธรรมและทายาทโดยธรรมที่ชอบด้วยกฎหมายของผู้ตายผู้คัดค้านย่อมมีสิทธิและหน้าที่ตามกฎหมายในฐานะเช่นนั้นอยู่แล้วหากมีผู้ใดโต้แย้งว่าผู้คัดค้านมิใช่บุตรบุญธรรมและทายาทที่ชอบด้วยกฎหมายของผู้ตายผู้คัดค้านย่อมมีสิทธิฟ้องเป็นคดีมีข้อพิพาทได้ผู้คัดค้านไม่มีสิทธิเสนอคดีต่อศาลโดยทำเป็นคำร้องขอได้
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นมีคำสั่งตั้งผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกของนางเซ็ง เชื้อสำราญ ผู้ตาย เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2535ผู้คัดค้านซึ่งเคยยื่นคำร้องขอเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตาย แต่ได้ถอนคำร้อง และยื่นคำร้องคัดค้านเข้ามาในคดีนี้เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม2535 ภายหลังจากที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งในคดีนี้แล้วโดยอ้างว่าผู้คัดค้านเดิมชื่อ นางวราภรณ์ วรรณนรันทร์ แต่ได้เปลี่ยนชื่อเป็นนางฉลองรัตน์ วรรณนรันทร์ ผู้คัดค้านเป็นบุตรบุญธรรมของผู้ตายจึงเป็นทายาทโดยธรรมที่ชอบด้วยกฎหมายเช่นเดียวกับผู้ร้องและนางสาวทิพวรรณ เชื้อสำราญ เกี่ยวกับทรัพย์มรดกของผู้ตายตามที่ปรากฎในคำร้องของผู้ร้องยังไม่ถูกต้อง เนื่องจากยังมีพระเลี่ยมทองหรือกรอบเก็บไว้ในตู้นิรภัยที่ธนาคารกรุงเทพ จำกัดสาขานนทบุรี ในนามของผู้คัดค้านและนางสุกัญญา แดงเลิศภรรยาของผู้ร้องเป็นผู้เช่า และมีสัญญาเช่าอาคารพาณิชย์ และบันทึกข้อตกลงต่อท้ายสัญญาเช่าระหว่างผู้ตายกับวัดบางขวางที่ผู้ร้องปกปิดความจริงไว้ ผู้คัดค้านเป็นผู้มีส่วนได้เสียในกองมรดกของผู้ตายและมีคุณสมบัติครบถ้วนตามกฎหมาย ขอให้ตั้งผู้คัดค้านเป็นผู้จัดการมรดก เพื่อแบ่งปันทรัพย์มรดกให้แก่ทายาทตามกฎหมายและป้องกันมิให้ทรัพย์มรดกสูญหาย
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้องคัดค้าน
ต่อมาวันที่ 25 ธันวาคม 2535 ผู้คัดค้านยื่นคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งแสดงว่า ผู้คัดค้านซึ่งเป็นบุตรบุญธรรมของผู้ตายเป็นทายาทชั้นบุตร จึงเป็นทายาทโดยธรรมที่ชอบด้วยกฎหมายของผู้ตายมีสิทธิในกองมรดกของผู้ตาย
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้อง ผู้คัดค้านอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ผู้คัดค้านฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ส่วนที่ผู้คัดค้านฎีกาว่า ผู้คัดค้านเป็นบุตรบุญธรรมของผู้ตาย ย่อมมีสิทธิยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งว่าผู้คัดค้านเป็นทายาทโดยธรรมที่ชอบด้วยกฎหมายของผู้ตายนั้น เห็นว่าการเสนอคดีต่อศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 55นั้นต้องทำเป็นคำฟ้องในเมื่อมีผู้โต้แย้งสิทธิเป็นคดีมีข้อพิพาทประการหนึ่งหรือทำเป็นคำร้องในเมื่อมีความจำเป็นต้องใช้สิทธิทางศาลโดยมีบทบัญญัติกฎหมายสนับสนุนไว้ชัดแจ้งเป็นคดีไม่มีข้อพิพาทอีกประการหนึ่ง การที่ผู้คัดค้านขอให้ศาลสั่งแสดงว่าผู้คัดค้านเป็นบุตรบุญธรรมย่อมเป็นทายาทโดยธรรมที่ชอบด้วยกฎหมายของผู้ตาย นอกจากมิได้มีกฎหมายบัญญัติรองรับให้ผู้คัดค้านใช้สิทธิร้องขอต่อศาลได้ในกรณีเช่นนี้แล้ว กรณีก็มิใช่ความจำเป็นที่จะต้องใช้สิทธิทางศาล เพราะหากผู้คัดค้านเป็นบุตรบุญธรรมและทายาทโดยธรรมที่ชอบด้วยกฎหมายของผู้ตายจริงดังกล่าวแล้วผู้คัดค้านย่อมมีสิทธิและหน้าที่ตามกฎหมายในฐานะเช่นนั้นอยู่แล้วหากมีผู้ใดโต้แย้งว่า ผู้คัดค้านมิใช่บุตรบุญธรรมและทายาทที่ชอบด้วยกฎหมายของผู้ตาย ผู้คัดค้านย่อมมีสิทธิฟ้องเป็นคดีมีข้อพิพาทได้ ที่ศาลล่างทั้งสองยกคำร้องของผู้คัดค้านนั้นชอบแล้ว ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย”
พิพากษายืน