คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2623/2538

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

จำเลยรับราชการครั้งแรกในกรุงเทพมหานครแล้วโอนมารับราชการที่มหาวิทยาลัยโจทก์ซึ่งขณะนั้นอยู่ในกรุงเทพมหานครแต่ต่อมาโจทก์ได้ย้ายที่ทำการใหม่ไปอยู่ที่จังหวัดนนทบุรีต้องถือว่าจำเลยได้ไปรับราชการตามที่ทำการในต่างท้องที่จากที่รับราชการณที่เดิมแม้จะไม่มีคำสั่งให้จำเลยเดินทางไปประจำในที่ทำการการต่างท้องที่แต่เป็นเพราะเหตุโจทก์ย้ายที่ทำการใหม่ก็ตามก็ไม่มีผลแตกต่างกันเพราะที่ทำการใหม่ของโจทก์ที่ไม่ใช่ท้องที่ที่จำเลยเข้ารับราชการครั้งแรกจำเลยจึงมีสิทธิได้รับเงินค่าเช่าบ้านตามพระราชกฤษฎีกาค่าเช่าบ้านข้าราชการพ.ศ.2527

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นนิติบุคคลตามพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช พ.ศ. 2521 จำเลยเป็นข้าราชการพลเรือนในมหาวิทยาลัยโจทก์ เดิมรับราชการที่มหาวิทยาลัยมหิดลและโอนมารับราชการที่มหาวิทยาลัยโจทก์ตั้งแต่วันที่ 30 พฤษภาคม2523 เดิมมหาวิทยาลัยโจทก์ตั้งอยู่ที่อาคารทบวงมหาวิทยาลัยเขตพยาไท กรุงเทพมหานคร ต่อมาเดือนธันวาคม 2527 ได้ย้ายที่ทำการไปอยู่ที่ตำบลบางพูด อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรีตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2528 ถึงวันที่ 30 กันยายน 2530 จำเลยได้ขอเบิกค่าเช่าบ้านเลขที่ 58/30 ถนนแจ้งวัฒนะ อำเภอปากเกร็ดจังหวัดนนทบุรี จากโจทก์เป็นเงินรวม 32,330 บาท และจำเลยได้รับเงินดังกล่าวไปแล้ว ซึ่งการได้รับเงินดังกล่าวไปนั้น จำเลยไม่มีสิทธิจะได้รับ เนื่องจากจำเลยเริ่มรับราชการครั้งแรกที่หน่วยงานอื่นในเขตอำเภอชั้นนอกหรือเขตอำเภอชั้นในของกรุงเทพมหานครการที่โจทก์ย้ายที่ทำการไปอยู่ที่จังหวัดนนทบุรีไม่ถือเป็นการย้ายปฏิบัติงานของข้าราชการ แต่เป็นการย้ายที่ตั้งของสำนักงานใหญ่ ต่อมาวันที่ 2 พฤศจิกายน 2531 โจทก์แจ้งให้จำเลยนำเงินค่าเช่าบ้านที่รับไปคืน แต่จำเลยไม่คืน ขอให้บังคับจำเลยคืนค่าเช่าบ้านที่เบิกไปโดยไม่มีสิทธิจำนวน 32,330 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2531ซึ่งเป็นวันครบกำหนดชำระถึงวันฟ้องจำนวน 13,793 บาท รวมเป็นเงิน46,123 บาท กับให้จำเลยชำระดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปีของต้นเงิน 32,330 บาท นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การว่า จำเลยได้รับเงินค่าเช่าบ้านจำนวน 32,330 บาทไปจากโจทก์จริง แต่จำเลยไม่ต้องคืนเงินดังกล่าวแก่โจทก์ เพราะจำเลยมีสิทธิได้รับเงินค่าเช่าบ้านตามพระราชกฤษฎีกาค่าเช่าบ้านราชการ พ.ศ. 2527 ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์เฉพาะปัญหาข้อกฎหมายโดยตรงต่อศาลฎีกาโดยได้รับอนุญาตจากศาลชั้นต้น ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 223 ทวิ
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ที่โจทก์อุทธรณ์ในปัญหาว่า จำเลยซึ่งรับราชการครั้งแรกที่หน่วยงานอื่นในเขตอำเภอชั้นนอกหรือในเขตอำเภอชั้นในของกรุงเทพมหานคร และได้โอนไปรับราชการที่มหาวิทยาลัยของโจทก์ขณะที่ตั้งอยู่ที่อาคารทบวงมหาวิทยาลัยเขตพญาไท กรุงเทพมหานคร ไม่มีสิทธิเบิกค่าเช่าบ้านได้ เมื่อมหาวิทยาลัยโจทก์ย้ายที่ทำการไปอยู่จังหวัดนนทบุรี ตามพระราชกฤษฎีกาค่าเช่าบ้านข้าราชการ พ.ศ. 2527 นั้น ตามพระราชกฤษฎีกาค่าเช่าบ้านข้าราชการ พ.ศ. 2527 มาตรา 7 บัญญัติว่า “ภายใต้บังคับมาตรา 16 และมาตรา 17 ข้าราชการผู้ใดได้รับคำสั่งให้เดินทางไปประจำสำนักงานในต่างท้องที่ มีสิทธิได้รับค่าเช่าบ้านข้าราชการเท่าที่ต้องจ่ายจริงตามที่สมควรแก่สภาพบ้านเว้นแต่ผู้นั้น
(1) ทางราชการได้จัดที่พักอาศัยให้อยู่แล้ว
(2) มีเคหสถานของตนเอง หรือของสามีหรือภริยาที่พออาศัยอยู่ร่วมกันได้ในท้องที่ที่ไปประจำสำนักงานใหม่
(3) ได้รับคำสั่งให้เดินทางไปประจำสำนักงานใหม่ในท้องที่ที่เริ่มรับราชการครั้งแรก หรือท้องที่กลับเข้ารับราชการใหม่
(4) เป็นข้าราชการวิสามัญ” เมื่อพิจารณาข้อบัญญัติของมาตรา 7 ประกอบกับเหตุผลในการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้แล้วเห็นได้ว่าทางราชการประสงค์จะช่วยเหลือข้าราชการที่ต้องเสียค่าเช่าบ้าน เมื่อต้องไปทำงานในท้องที่อื่น ซึ่งมิใช่ท้องที่ที่เริ่มรับราชการครั้งแรก เมื่อข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่าจำเลยรับราชการครั้งแรกที่มหาวิทยาลัยโจทก์ ซึ่งขณะนั้นอยู่ในกรุงเทพมหานครเช่นกัน แต่ต่อมามหาวิทยาลัยโจทก์ได้ย้ายที่ทำการใหม่ไปอยู่ที่ตำบลบางพูด อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรีกรณีเช่นนี้ต้องถือว่าจำเลยได้ไปรับราชการตามที่ทำการในต่างท้องที่จากที่รับราชการ ณ ที่เดิม แม้จะไม่มีคำสั่งให้จำเลยเดินทางไปประจำในที่ทำการต่างท้องที่ แต่ก็เป็นเพราะเหตุที่มหาวิทยาลัยโจทก์ย้ายที่ทำการใหม่ก็ตาม ศาลฎีกาเห็นว่า ไม่มีผลแตกต่างกันเพราะที่ทำการใหม่ของมหาวิทยาลัยโจทก์ไม่ใช่ท้องที่ที่จำเลยเข้ารับราชการครั้งแรก ทั้งการตีความมาตรา 7 ต้องคำนึงถึงเจตนารมณ์ของกฎหมาย ไม่ให้ขัดแย้งต่อเหตุผลและความเป็นจริงเพราะมิฉะนั้นข้าราชการที่รับราชการครั้งแรกในกรุงเทพมหานครหากโอนไปรับราชการที่มหาวิทยาลัยโจทก์ก่อนโจทก์ย้ายที่ทำการในเดือนธันวาคม 2527 ไม่มีสิทธิเบิกค่าเช่าบ้าน แต่ถ้าโอนไปภายหลังกลับเบิกค่าเช่าบ้านได้ และข้าราชการซึ่งไม่มีสิทธิเบิกค่าเช่าบ้านได้ดังกล่าวนั้น หากได้รับคำสั่งให้เดินทางไปประจำที่ทำการหรือโอนไปรับราชการในหน่วยงานอื่นนอกเขตจังหวัดนนทบุรีแล้วต่อมาย้ายกลับไปประจำหรือโอนกลับไปรับราชการในมหาวิทยาลัยโจทก์ กลับมีสิทธิเบิกค่าเช่าบ้านได้ ย่อมไม่เป็นธรรมแก่ข้าราชการทั้งปวง มิใช่แต่จำเลยเพียงผู้เดียว ศาลชั้นต้นพิพากษามาชอบแล้ว”
พิพากษายืน

Share