คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1692/2503

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

บุริมสิทธิของผู้ให้เช่าเรือนโรงเหนือสังหาริมทรัพย์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 261 วรรคสองนั้นผู้เช่าไม่จำต้องเอาสังหาริมทรัพย์นั้นเข้ามาด้วยตนเองแต่หมายถึงสังหาริมทรัพย์นั้นได้เข้ามาอยู่ในเรือนโรงด้วยความรู้เห็นของผู้เช่า

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากตึกแถวและเรียกค่าเช่ากับค่าเสียหายด้วย ศาลพิพากษาให้ขับไล่จำเลยและให้จำเลยชำระค่าเช่าที่ค้างชำระและใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ ศาลบังคับคดียึดทรัพย์จำเลยเพื่อขายทอดตลาด

ผู้ร้องยื่นคำร้องขัดทรัพย์รายการที่ 3 ซึ่งได้แก่สินค้าผ้าและไหมว่าเป็นของผู้ร้อง ขอให้ปล่อยการยึด

ในวันชี้สองสถาน โจทก์และผู้ร้องรับกันว่าทรัพย์รายนี้เป็นของผู้ร้องนำมาฝากจำเลยขายไว้ที่ร้านของจำเลย และรับกันต่อไปว่าโจทก์เพิ่งทราบความข้อนี้หลังจากที่ผู้ร้องได้ร้องขัดทรัพย์ แล้วทั้ง 2 ฝ่ายไม่ติดใจสืบพยาน ขอให้ศาลวินิจฉัย

ศาลแพ่งวินิจฉัยว่า บุริมสิทธิของโจทก์ต้องเป็นไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 261 โจทก์ไม่มีสิทธิยึดทรัพย์รายนี้ขายทอดตลาด เพราะจำเลยไม่ได้เป็นผู้นำทรัพย์รายนี้เข้ามาในตึกพิพาทของโจทก์อันจะเป็นเหตุให้โจทก์ได้สิทธิตามมาตรา 261 นั้นเทียบตามนัยคำพิพากษาฎีกาที่ 275/2480 จึงพิพากษาให้ปล่อยการยึดทรัพย์รายการที่ 3

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า ทรัพย์รายนี้อยู่ในร้านค้าของจำเลยย่อมอยู่ในความครอบครองของจำเลย โจทก์จึงมีบุริมสิทธิ ใครจะเป็นผู้นำทรัพย์เข้ามาไว้นั้นไม่ต้องคำนึงถึง พิพากษากลับ ให้ยกคำร้องขัดทรัพย์

ผู้ร้องฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า โจทก์มีบุริมสิทธิ โดยกรณีเข้าตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 261 คำว่า “ผู้เช่านำเข้ามา” ตามมาตรา 261 นั้น มิได้หมายความว่าผู้เช่าต้องเอาเข้ามาด้วยตนเองพึงสังเกตุว่า มาตรา 261 ใช้คำว่านำเข้ามา มิใช่เอาเข้ามาจึงหมายเพียงว่า สังหาริมทรัพย์นั้นได้เข้ามาอยู่ในโรงเรือนด้วยความรู้เห็นของผู้เช่า ฉะนั้น ข้อที่ว่า มาตรา 268 ต้องอยู่ภายใต้มาตรา 261 วรรคสองหรือไม่ จึงไม่จำต้องวินิจฉัย พิพากษายืน

Share