แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยได้ทำผิดสัญญาซื้อขายสิ่งของเนื่องจากไม่นำหนังสือรับรองสินค้าขาเข้า(ImportEmtry)มาแสดงแม้จำเลยได้ส่งมอบสิ่งของให้แก่โจทก์จนถูกต้องครบถ้วนก่อนกำหนดแล้วก็ตามแต่โจทก์ยังคงครอบครองสิ่งของที่จำเลยส่งมอบให้ตลอดมาโดยมิได้บอกปัดว่าจะไม่รับสิ่งของและให้จำเลยรับสิ่งของนั้นคืนไปหรือดำเนินการบอกเลิกสัญญาในเวลาอันควรเพิ่งมาบอกเลิกสัญญาหลังจากที่จำเลยส่งมอบสิ่งของที่ซื้อขายแล้วถึง6ปีเศษพฤติการณ์ดังกล่าวถือได้ว่าโจทก์ได้สละผลบังคับตามสัญญาซื้อขายสิ่งของโดยปริยายแล้วโจทก์จึงหาอาจยกเอาข้อที่จำเลยไม่นำหนังสือรับรองสินค้าเข้ามาแสดงมาเป็นเหตุบอกเลิกสัญญาและเรียกร้องค่าปรับจากจำเลยได้ไม่
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าโจทก์ได้ทำสัญญาซื้อขายเครื่องมือวิเคราะห์วิจัยวัสดุ รวม 9 รายการกับจำเลยที่ 1 โดยจำเลยที่ 1 สัญญาว่าจะส่งมอบสิ่งของทั้ง 9 รายการภายในวันที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2524และจำเลยที่ 1 ต้องมีหนังสือรับรองสินค้าเข้ามาแสดงเมื่อเวลาตรวจรับของด้วย ถ้าจำเลยที่ 1 ไม่ส่งมอบสิ่งของที่ตกลงขายให้แก่โจทก์ หรือส่งมอบสิ่งของทั้งหมดไม่ถูกต้องหรือส่งมอบสิ่งของไม่ครบจำนวนในเวลาที่กำหนดไว้ โจทก์มีสิทธิบอกเลิกสัญญาได้ในกรณีโจทก์ไม่ใช้สิทธิบอกเลิกสัญญา จำเลยที่ 1 ยอมให้โจทก์ปรับเป็นรายวันในอัตราร้อยละ 0.2 ของราคาสิ่งของที่ยังไม่ได้รับมอบต่อมาเมื่อวันที่ 16 มีนาคม 2524 จำเลยที่ 1 ได้ส่งมอบสิ่งของโดยไม่มีหนังสือรับรองสินค้าเข้ามาแสดงเมื่อเวลาตรวจรับของโจทก์จึงแจ้งให้จำเลยที่ 1 นำใบรับรองสินค้าเข้ามามอบให้โจทก์ภายใน 20 วัน นับแต่วันที่ได้รับหนังสือ แต่จำเลยที่ 1 เพิกเฉยโจทก์ถือว่าจำเลยที่ 1 เป็นฝ่ายผิดสัญญา โจทก์จึงใช้สิทธิบอกเลิกสัญญาและขอปรับจำเลยที่ 1 เป็นรายวันในอัตราร้อยละ 0.2ของราคาสิ่งของนับแต่วันที่ 18 เมษายน 2524 ถึงวันที่ 25 กันยายน2530 ซึ่งเป็นวันบอกเลิกสัญญา โจทก์ทวงถามแล้ว แต่จำเลยทั้งสองเพิกเฉย ขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินจำนวน 364,321.55บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีจากต้นเงิน 302,530.70บาท นับแต่วันฟ้องจนกว่าชำระเสร็จ
จำเลยทั้งสองขาดนัดยื่นคำให้การ
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าเมื่อวันที่30 กันยายน 2523 โจทก์ทำสัญญาซื้อขายเครื่องมือวิเคราะห์วิจัยวัสดุยี่ห้อโฮเจนต๊อกเลอร์ (Hogentoler) ผลิตภัณฑ์จากประเทศสหรัฐอเมริกา จากจำเลยที่ 1 รวม 9 รายการ ราคา64,313.50 บาท ตามสัญญาซื้อขายที่ ผอก.147/2523 เอกสารหมาย จ.4โดยมีข้อตกลงว่าจำเลยที่ 1 จะส่งมอบสิ่งของที่ซื้อขายภายในวันที่ 17 เมษายน 2524 พร้อมทั้งต้องมีหนังสือรับรองสินค้าเข้า(Import Entry) มาแสดงเมื่อเวลาตรวจรับของด้วย ก่อนครบกำหนดส่งมอบจำเลยที่ 1 ได้นำสิ่งของที่ซื้อขายทั้ง 9 รายการ มาส่งมอบให้โจทก์ แต่ไม่มีหนังสือรับรองสินค้าเข้ามาแสดง คณะกรรมการตรวจรับสิ่งของของโจทก์ จึงไม่ยอมตรวจรับสิ่งของดังกล่าวต่อมาวันที่ 22 กันยายน 2530 โจทก์ได้บอกเลิกสัญญาและเรียกค่าปรับจากจำเลย คดีมีปัญหาว่าโจทก์มีสิทธิเลิกสัญญาและเรียกค่าปรับจากจำเลยหรือไม่ เห็นว่าจำเลยที่ 1 ได้ส่งมอบเครื่องมือวิเคราะห์วิจัยวัสดุ ยี่ห้อโฮเจนต๊อกเลอร์ ทั้ง 9 รายการตามสัญญาซื้อขายเอกสารหมาย จ.4 ตั้งแต่วันที่ 16 มีนาคม 2524ก่อนครบกำหนดเวลาส่งมอบและได้ความจากนายอารี วิไลวรรณผู้อำนวยการกอง กองการพัสดุ กับนายประดิษฐ์ จิราภรณ์กรรมการตรวจรับสิ่งของรายนี้ว่าสิ่งของที่จำเลยที่ 1 ส่งมอบมีคุณลักษณะและคุณสมบัติถูกต้องตรงตามสัญญา แต่จำเลยที่ 1ไม่มีหนังสือรับรองสินค้าเข้ามาแสดงเพื่อให้เห็นว่าสิ่งของนั้นเป็นผลิตภัณฑ์จากประเทศสหรัฐอเมริกาและได้นำเข้ามาในราชอาณาจักรโดยถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งตามรายการละเอียดแบบสัญญาซื้อขายเลขที่ ผอก.147/2523 เอกสารหมาย จ.4 อันเป็นส่วนหนึ่งของสัญญาซื้อขายได้กำหนดให้ผู้ขาย (จำเลยที่ 1) ต้องมีหนังสือรับรองสินค้าเข้า (Import Entry) แสดงเมื่อเวลาตรวจรับของด้วย และโจทก์ได้แจ้งให้จำเลยที่ 1 นำหนังสือรับรองสินค้าเข้ามาแสดง แต่จำเลยที่ 1 ไม่นำมาแสดง จึงต้องถือว่าจำเลยที่ 1มิได้ปฏิบัติให้ถูกต้องครบถ้วนตามสัญญา และข้อเท็จจริงได้ความต่อไปว่า หลังจากโจทก์แจ้งให้จำเลยที่ 1 นำส่งหนังสือรับรองสินค้าเข้ามาแสดง แต่จำเลยที่ 1 ไม่นำมาแสดงโจทก์ยังคงครอบครองสิ่งของที่จำเลยที่ 1 ส่งมอบให้ตลอดมาโดยมิได้บอกปัดว่าจะไม่รับสิ่งของ นั้น และให้จำเลยที่ 1 รับสิ่งของนั้นคืนไปหรือดำเนินการบอกเลิกสัญญาภายในเวลาอันควร และเพิ่งมาบอกเลิกสัญญาหลังจากที่จำเลยที่ 1 ส่งมอบสิ่งของที่ซื้อขายแล้วถึง 6 ปีเศษทั้งนายอารี วิไลวรรณ ก็เบิกความว่า ไม่เคยเห็นสินค้าทั้ง 9 รายการอยู่ในกองการพัสดุแต่อย่างใด เจือสมกับที่จำเลยทั้งสองนำสืบว่า จำเลยที่ 2 ได้ไปตรวจสอบสินค้าว่าอยู่ที่คลังพัสดุของโจทก์หรือไม่ แต่ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ของโจทก์ว่าสินค้าดังกล่าวส่งให้แก่หน่วยงานที่รับผิดชอบไปหมดแล้วดังนี้พฤติการณ์ดังกล่าว ถือได้ว่าโจทก์ได้สละผลบังคับตามสัญญาที่กำหนดให้จำเลยที่ 1 ต้องมีหนังสือรับรองสินค้ามาแสดงและยอมรับมอบสิ่งของที่ซื้อขายโดยปริยายแล้ว โจทก์จึงหาอาจยกเอาข้อที่จำเลยที่ 1 ไม่นำหนังสือรับรองสินค้าเข้ามาแสดงมาเป็นเหตุบอกเลิกสัญญา และเรียกร้องค่าปรับจากจำเลยทั้งสองได้ไม่
พิพากษายืน