คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2182/2538

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

จำเลยเอาเอกสารบัญชีรายชื่อหัวหน้าครอบครัวในเขตชุมชนซึ่งประชาชนนำมามอบให้ผู้เสียหายเป็นผู้เก็บรักษาไว้ไปแล้วไม่คืนให้ผู้เสียหายเป็นเหตุให้ผู้เสียหายไม่สามารถนำไปยื่นต่อผู้อำนวยการเขตเพื่อให้ความเห็นชอบให้จำเลยพ้นจากตำแหน่งประธานชุมชนได้เป็นการกระทำที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้เสียหายหรือประชาชนมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา188

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเอาเอกสารจำนวน 10 แผ่น ที่มีลายมือชื่อของหัวหน้าครอบครัวชุมชนอัลกุ๊บรอ จำนวน 55 คน ร้องเรียนให้ทางราชการปลดจำเลยจากตำแหน่งประธานชุมชนอัลกุ๊บรอ ซึ่งนายหมัด โสอุดร ผู้เสียหาย เป็นผู้เก็บรักษาไว้เพื่อนำเสนอต่อผู้อำนวยการเขตประเวศให้ความเห็นชอบให้จำเลยพ้นจากตำแหน่งดังกล่าวตามระเบียบของทางราชการไปเสียจากความครอบครองของผู้เสียหาย ในประการที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้เสียหายและประชาชนในชุมชนอัลกุ๊บรอ ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 188
จำเลยให้การปฎิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 188 จำคุก 6 เดือน และปรับ 5,000 บาท ให้รอการลงโทษจำคุกไว้มีกำหนด 2 ปี จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์ โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงฟังได้ในเบื้องต้นว่าระหว่างเกิดเหตุผู้เสียหายมีตำแหน่งเป็นอิหม่ามของชุมชนอัลกุ๊บรอซึ่งตั้งอยู่หมู่ที่ 5 แขวงสวนหลวง เขตประเวศ กรุงเทพมหานครจำเลยมีตำแหน่งเป็นประธานกรรมการชุมชนดังกล่าว ก่อนเกิดเหตุจำเลยได้ทำสันหรือคันปูนซีเมนต์ริมขอบทางเท้าในชุมชน 2 แห่งเป็นรูปสี่เหลี่ยมสูงประมาณ 3 นิ้ว โดยได้รับการสนับสนุนจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทำให้ประชาชนในชุมชนเดินไม่สะดวก ประชาชนในชุมชนจึงรื้อทิ้งจำเลยไปแจ้งความต่อพนักงานสอบสวนให้ดำเนินคดีเป็นเหตุให้ประชาชนไม่พอใจได้รวบรวมลายมือชื่อของหัวหน้าครอบครัวได้ 55 ครอบครัวเพื่อปลดจำเลยออกจากประธานกรรมการชุมชนอัลกุ๊บรอ แล้วนำมามอบให้แก่ผู้เสียหาย ต่อมาเมื่อวันที่6 พฤษภาคม 2535 จำเลยและนายอุบล แก้วเอียด หัวหน้าหมวดส่งเสริมและพัฒนาชุมชน สำนักงานเขตประเวศได้ไปพบผู้เสียหายที่บ้านผู้เสียหายซึ่งตั้งอยู่ในชุมชนอัลกุ๊บรอ ในวันนั้นผู้เสียหาย จำเลยและนายอุบลได้เจรจากันเกี่ยวกับเรื่องประชาชนจะปลดจำเลยออกจากประธานกรรมการชุมชนอัลกุ๊บรอ และหลังจากเลิกเจรจากันแล้ว บัญชีรายชื่อหัวหน้าครอบครัวที่ประชาชนในเขตชุมชนอัลกุ๊บรอรวบรวมมาให้ผู้เสียหาย และผู้เสียหายนำมาให้จำเลยและนายอุบลดูระหว่างเจรจากันได้หายไป มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า จำเลยได้กระทำความผิดตามฟ้องหรือไม่โจทก์มีผู้เสียหายและนายอุบลเป็นพยานเบิกความว่า ในวันเกิดเหตุจำเลยกับนายอุบลไปพบผู้เสียหายที่บ้านผู้เสียหายเพื่อเจรจาหาทางประนีประนอมกันเกี่ยวกับเรื่องประชาชนในเขตชุมชนอัลกุ๊บรอจะปลดจำเลยออกจากประธานกรรมการชุมชน ผู้เสียหาย จำเลยและนายอุบลได้นั่งเจรจากันที่โต๊ะอาหารภายในบ้านของผู้เสียหายระหว่างเจรจากันนายอุบลหยิบบัญชีรายชื่อหัวหน้าครอบครัวในเขตชุมชนอัลกุ๊บรอไปดูแล้ววางไว้ที่เดิม จากนั้นจำเลยหยิบไปดูแล้วไม่ได้วางคืนบนโต๊ะ เมื่อจำเลยกลับบ้านจำเลยได้นำเอาบัญชีรายชื่อดังกล่าวไปด้วย เห็นว่า พยานทั้งสองเบิกความสอดคล้องกันประกอบกับเหตุเกิดขึ้นในเวลากลางวันภายในบ้านผู้เสียหาย ซึ่งมีเพียงผู้เสียหาย จำเลยและนายอุบลรวม 3 คน เท่านั้นที่เกี่ยวข้องเจรจากัน และสำหรับนายอุบลมีตำแหน่งเป็นหัวหน้าหมวดส่งเสริมและพัฒนาชุมชนสำนักงานเขตประเวศเข้าไปเกี่ยวข้องเพื่อประสานงานกับชุมชนซึ่งเป็นพยานคนกลางเบิกความยืนยันในตอนต่อไปด้วยว่า ขณะที่ผู้เสียหาย จำเลยและพยานเดินออกจากบ้านผู้เสียหายนั้น พยานยืนยันได้ว่า จำเลยได้หยิบเอาบัญชีรายชื่อหัวหน้าครอบครัวดังกล่าวติดตัวออกไปโดยรวบรวมไว้กับเอกสารที่จำเลยเอามาด้วย ที่ผู้เสียหายไม่ทวงคืนทันทีคงจะเป็นเพราะผู้เสียหายคาดคิดว่ามีทางยุติเรื่องราวกับจำเลยได้ จำเลยก็นำสืบพยานเจือสมทางนำสืบของโจทก์ว่า ในวันเกิดเหตุที่จำเลยกับนายอุบลไปที่บ้านผู้เสียหาย จำเลยได้นำเอกสารซึ่งเป็นข้อมูลชุมชนเขตประเวศ สาขาสวนหลวง และระเบียบกรุงเทพมหานคร ว่าด้วยกรรมการชุมชน พ.ศ. 2534 ตามเอกสารหมาย ล.3 และ ล.4 ไปด้วย และหลังจากเจรจากันแล้วได้นำเอกสารหมาย ล.3 และ ล.4 กลับมาด้วย คำเบิกความของนายอุบลจึงมีน้ำหนักน่าเชื่อยิ่งขึ้นที่จำเลยนำสืบปฎิเสธว่าจำเลยมิได้เอาเอกสารบัญชีรายชื่อหัวหน้าครอบครัวในเขตชุมชนอัลกุ๊บรอไปจากผู้เสียหาย ผู้เสียหายกับพวกมีสาเหตุโกรธเคืองกับจำเลย เนื่องมาจากจำเลยไม่สนับสนุนพวกของผู้เสียหายให้เป็นกรรมการชุมชน ผู้เสียหายเสียประโยชน์จากการที่จำเลยและนายสมชายร้องเรียนเกี่ยวกับเรื่องถมที่ดินรุกล้ำทางสาธารณะ ส่วนนายอุบลเคยซื้อไม้สะพานบางส่วนไปแล้วไม่ชำระเงิน จำเลยเคยทวงถามหลายครั้งเป็นเหตุให้นายอุบลไม่พอใจจำเลยนั้น ข้อนำสืบของจำเลยดังกล่าวไม่มีน้ำหนักให้รับฟังเชื่อมโยงให้เห็นได้ว่า ผู้เสียหายและนายอุบลพยานโจทก์นำสาเหตุดังกล่าวมาเป็นเหตุกลั่นแกล้งจำเลยพยานหลักฐานจำเลยไม่อาจรับฟังหักล้างพยานหลักฐานโจทก์ได้ข้อเท็จจริงจึงรับฟังได้ตามพยานหลักฐานโจทก์ว่า จำเลยเอาเอกสารบัญชีรายชื่อหัวหน้าครอบครัวในเขตชุมชนอัลกุ๊บรอซึ่งประชาชนนำมามอบให้ผู้เสียหายเป็นผู้เก็บรักษาไว้ไปแล้วไม่คืนให้ผู้เสียหาย เป็นเหตุให้ผู้เสียหายไม่สามารถนำเอกสารดังกล่าวไปยื่นต่อผู้อำนวยการเขตประเวศได้ เป็นการกระทำที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้เสียหายหรือประชาชน การกระทำของจำเลยจึงเป็นการเอาเอกสารผู้อื่นไปเสีย มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 188 ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องนั้นไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา”
พิพากษากลับว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 188จำคุกจำเลย 3 เดือน และปรับ 3,000 บาท โทษจำคุกให้ยกคงให้ปรับจำเลยอย่างเดียว ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 55 ไม่ชำระค่าปรับให้บังคับตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30

Share