คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1989/2538

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

จำเลยเขียนเอกสารการกู้ยืมเงินด้วยลายมือตนเองโดยระบุชื่อจำเลยเป็นผู้กู้ยืมเงินโจทก์แต่จำเลยมิได้ลงลายมือชื่อไว้ดังนี้ยังถือไม่ได้ว่าเป็นการกู้ยืมเงินซึ่งมีหลักฐานเป็นหนังสือลงลายมือชื่อจำเลยโจทก์จึงฟ้องบังคับจำเลยไม่ได้

ย่อยาว

โจทก์ ฟ้อง ว่า จำเลย ทำ หนังสือ สัญญากู้ยืม เงิน โจทก์ จำนวน60,000 บาท ต่อมา โจทก์ ได้ ทวง เตือน จำเลย ให้ ชำระ แต่ จำเลยขอผัด ผ่อน ขอให้ บังคับ จำเลย ชำระ เงิน 61,875 บาท พร้อม ดอกเบี้ย
จำเลย ให้การ ว่า จำเลย ไม่ได้ กู้ยืม เงิน โจทก์ เพราะ ไม่ได้ มี การส่งมอบ เงินกู้ แก่ จำเลย สัญญากู้ ที่ โจทก์ ฟ้อง ไม่ใช่ หลักฐาน แห่ง การกู้ยืม เพราะ ไม่มี ลายมือชื่อ ของ จำเลย ลง ไว้ ใน เอกสาร ใน ฐานะผู้กู้ยืม เงิน โจทก์ จะ ฟ้องร้อง บังคับคดี ไม่ได้ ขอให้ ยกฟ้อง โจทก์
ศาลชั้นต้น พิจารณา แล้ว พิพากษา ให้ จำเลย ชำระ เงิน จำนวน 60,000บาท พร้อม ดอกเบี้ย
จำเลย อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ ภาค 3 พิพากษากลับ ให้ยก ฟ้องโจทก์
โจทก์ ฎีกา
ศาลฎีกา วินิจฉัย ว่า “คดี คง มี ปัญหา ต้อง วินิจฉัย ตาม ฎีกา โจทก์ใน ข้อกฎหมาย ประการ เดียว ว่า เอกสาร หมาย จ. 1 ใช้ เป็น หลักฐานแห่ง การ กู้ยืม ใน การ ฟ้องร้อง บังคับคดี ได้ ตาม กฎหมาย หรือไม่ใน การ วินิจฉัย ปัญหา ดังกล่าว ศาลฎีกา ต้อง ถือ ข้อเท็จจริง ตาม ที่ศาลอุทธรณ์ ภาค 3 วินิจฉัย มา แล้ว ซึ่ง ศาลอุทธรณ์ ภาค 3 ฟัง ข้อเท็จจริงว่า แม้ จำเลย จะ เบิกความ รับ ว่า จำเลย เป็น ผู้ เขียน ข้อความ ในเอกสาร หมาย จ. 1 ด้วย ตนเอง ว่า “วันที่ 11 กันยายน 2528 วัฒนา สุขสำราญ ได้ ยืมเงิน พี่ ดา หก หมื่น บาท ถ้วน ” แต่ ใน เอกสาร ดังกล่าว ไม่มี ลายมือชื่อ จำเลย ลง ไว้ เป็น ผู้ ยืม ถือไม่ได้ว่าชื่อ จำเลย ที่ เขียน ไว้ ใน เอกสาร หมาย จ. 1 เป็น การ ลงลายมือชื่อของ จำเลย ศาลฎีกา เห็นว่า เมื่อ เอกสาร หมาย จ. 1 ไม่มี ลายมือชื่อจำเลย ลง ไว้ ใน ฐานะ เป็น ผู้ ยืม ก็ ถือไม่ได้ว่า เป็น หลักฐาน เป็นหนังสือ ลงลายมือชื่อ ผู้ ยืม ตาม ความมุ่งหมาย ของ มาตรา 653 วรรคหนึ่งแห่ง ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ โจทก์ จะ ใช้ เอกสาร ดังกล่าวฟ้องร้อง ให้ บังคับคดี แก่ จำเลย หาได้ไม่ ศาลอุทธรณ์ ภาค 3 พิพากษายกฟ้อง ของ โจทก์ มา ชอบแล้ว ฎีกา โจทก์ ฟังไม่ขึ้น ”
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียม ใน ชั้นฎีกา ให้ เป็น พับ

Share