คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1491/2538

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

ผู้คัดค้านที่3และที่4ซึ่งรับโอนที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างพิพาทจากผู้คัดค้านที่1จะอ้างว่าได้รับโอนโดยสุจริตและมีค่าตอบแทนต่อเมื่อได้รับโอนมาก่อนมีการขอให้จำเลยล้มละลายตามพระราชบัญญัติ ล้มละลายฯมาตรา116เมื่อรับโอนมาภายหลังมีการขอให้จำเลยล้มละลายแล้วไม่ว่าผู้คัดค้านที่3และที่4จะได้รับโอนโดยสุจริตและมีค่าตอบแทนหรือไม่ย่อมไม่ได้รับความคุ้มครอง แม้ศาลอุทธรณ์จะพิพากษาให้เพิกถอนการโอนที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างพิพาทเพียงครึ่งหนึ่งเฉพาะส่วนของจำเลยย่อมเป็นผลให้ทรัพย์สินดังกล่าวเฉพาะส่วนของจำเลยกลับคืนเป็นของจำเลยทันทีนับแต่วันที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้เพิกถอนผู้คัดค้านที่1ที่3และที่4ต้องชดใช้ราคาแทนในวันที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้เพิกถอนหากทรัพย์สินนั้นไม่สามารถโอนกลับคืนมาได้และหากไม่ชำระราคาต้องถือว่าผิดนัดนับแต่วันที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้เพิกถอนผู้ร้องจึงมีสิทธิเรียกดอกเบี้ยในราคาที่ต้องใช้แทนนับแต่วันดังกล่าว

ย่อยาว

คดี นี้ สืบเนื่อง มาจาก โจทก์ ฟ้อง ขอให้ จำเลย เป็น บุคคล ล้มละลายเมื่อ วันที่ 17 กันยายน 2528 ศาลชั้นต้น มี คำสั่งพิทักษ์ทรัพย์จำเลย เด็ดขาด เมื่อ วันที่ 9 มิถุนายน 2529 และ พิพากษา ให้ จำเลยล้มละลาย เมื่อ วันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2530
ผู้ร้อง ยื่น คำร้อง และ แก้ไข คำร้อง ว่า เมื่อ วันที่ 7 กุมภาพันธ์2528 จำเลย ได้ จดทะเบียน โอน กรรมสิทธิ์ ที่ดิน โฉนด เลขที่ 98891เนื้อที่ 91 ตารางวา พร้อม บ้าน เลขที่ 58 ซึ่ง ปลูก อยู่ บน ที่ดินดังกล่าว ให้ แก่ ผู้คัดค้าน ที่ 1 ซึ่ง เป็น ภริยา ของ จำเลย อันเป็นการ โอน ใน ระหว่าง 3 ปี ก่อน มี การ ขอให้ จำเลย ล้มละลาย เป็น การ โอนโดย ไม่มี ค่าตอบแทน และ ไม่สุจริต เพื่อ หลีกเลี่ยง ไม่ให้ เจ้าหนี้ อื่นได้รับ ชำระหนี้ ต่อมา เมื่อ วันที่ 22 มกราคม 2530 ผู้คัดค้าน ที่ 1ได้ นำ ที่ดิน พร้อม สิ่งปลูกสร้าง ไป จดทะเบียน จำนอง ไว้ แก่ ผู้คัดค้านที่ 2 เมื่อ วันที่ 11 มกราคม 2532 ผู้คัดค้าน ที่ 1 ได้ จดทะเบียนโอน กรรมสิทธิ์ ที่ดิน พร้อม สิ่งปลูกสร้าง ขาย ให้ แก่ ผู้คัดค้าน ที่ 3และ ที่ 4 และ ใน วันเดียว กัน นั้น ผู้คัดค้าน ที่ 3 และ ที่ 4 ได้ จดทะเบียน จำนอง ที่ดิน พร้อม สิ่งปลูกสร้าง แก่ ผู้คัดค้าน ที่ 5 การ โอนและ การ จำนอง ดังกล่าว กระทำ ภายหลัง ที่ มี การ ขอให้ จำเลย ล้มละลายเป็น การกระทำ ที่ ไม่สุจริต ขอให้ มี คำสั่ง เพิกถอน การ โอน ที่ดินพร้อม สิ่งปลูกสร้าง ระหว่าง จำเลย กับ ผู้คัดค้าน ที่ 1 และ การ โอนและ การ จำนอง ระหว่าง ผู้คัดค้าน ทุกคน ให้ กลับคืน สู่ ฐานะ เดิม หากไม่สามารถ กลับคืน สู่ ฐานะ เดิม ได้ ให้ ผู้คัดค้าน ทุกคน ร่วมกัน ใช้ราคา ที่ดิน พร้อม สิ่งปลูกสร้าง จำนวน 918,227 บาท พร้อม ดอกเบี้ยอัตรา ร้อยละ เจ็ด ครึ่ง ต่อ ปี ใน ต้นเงิน ดังกล่าว นับแต่ วัน ยื่น คำร้องเป็นต้น ไป จนกว่า จะ ชำระ เสร็จ แก่ ผู้ร้อง
ผู้คัดค้าน ที่ 1 ยื่น คำคัดค้าน ว่า ผู้คัดค้าน ที่ 1 ได้ จดทะเบียนสมรส กับ จำเลย ครั้งแรก เมื่อ วันที่ 3 มกราคม 2522 ต่อมาได้ ร่วมกัน ซื้อ ที่ดิน พร้อม สิ่งปลูกสร้าง พิพาท ใน ราคา 600,000 บาทโดย ใส่ ชื่อ จำเลย เป็น ผู้ถือกรรมสิทธิ์ และ ได้ นำ ไป จำนอง ไว้ แก่ผู้คัดค้าน ที่ 5 ใน วงเงิน 435,000 บาท จำเลย กับ ผู้คัดค้าน ที่ 1ได้ จดทะเบียน หย่า กัน ครั้งแรก เมื่อ วันที่ 14 พฤศจิกายน 2523 จำเลยตกลง ให้ ที่ดิน พร้อม สิ่งปลูกสร้าง พิพาท เป็น กรรมสิทธิ์ ของ ผู้คัดค้านที่ 1 แต่ ยัง มิได้ มี การ โอน เปลี่ยน ชื่อ ผู้ถือกรรมสิทธิ์ หลังจาก นั้นอีก 1 เดือน เศษ จำเลย กับ ผู้คัดค้าน ที่ 1 ได้ จดทะเบียนสมรส กัน อีกต่อมา เมื่อ วันที่ 24 สิงหาคม 2527 ผู้คัดค้าน ที่ 1 กับ จำเลยได้ จดทะเบียน หย่า กัน ที่ สำนักงาน เขต บางกะปิ จำเลย ตกลง ยก ที่ดิน พร้อม สิ่งปลูกสร้าง พิพาท ให้ แก่ ผู้คัดค้าน ที่ 1 เหตุ ที่ หย่า กันเป็น เพราะ ความ คิดเห็น ไม่ ตรง กัน ผู้คัดค้าน ที่ 1 ไม่ทราบ ว่า จำเลยเป็น บุคคล มี หนี้สินล้นพ้นตัว ผู้คัดค้าน ที่ 1 ได้รับ โอน ที่ดินพร้อม สิ่งปลูกสร้าง โดย มีค่า ตอบแทน ผู้คัดค้าน ที่ 1 ได้ ชำระหนี้จำนอง แก่ ผู้คัดค้าน ที่ 5 เป็น เงิน 360,000 บาท โดย กู้เงิน จากสหกรณ์ออมทรัพย์ มหาวิทยาลัย เกษตรศาสตร์ จำกัด และ เงิน ที่ ผู้คัดค้าน ที่ 1 มี อยู่ ผู้คัดค้าน ที่ 1 จึง เป็น ผู้รับโอน ที่ดินพร้อม สิ่งปลูกสร้าง จาก สหกรณ์ออมทรัพย์ มหาวิทยาลัย เกษตรศาสตร์ จำกัด และ นำ ไป จำนอง ไว้ แก่ ผู้คัดค้าน ที่ 2 ผู้คัดค้าน ที่ 1 ได้โอน ขาย ที่ดิน พร้อม สิ่งปลูกสร้าง พิพาท ให้ แก่ ผู้คัดค้าน ที่ 3 และที่ 4 เพื่อ ชำระหนี้ จำนอง แก่ ผู้คัดค้าน ที่ 2 และ เจ้าหนี้ ราย อื่นผู้ร้อง ไม่มี อำนาจ ที่ จะ ขอ เพิกถอน การ โอน ที่ดิน พร้อม สิ่งปลูกสร้างพิพาท ทั้ง เป็น สินสมรส ระหว่าง ผู้คัดค้าน ที่ 1 กับ จำเลย ผู้คัดค้านที่ 1 จึง มี กรรมสิทธิ์ ด้วย ครึ่ง หนึ่ง หาก ที่ดิน พร้อม สิ่งปลูกสร้างของ จำเลย ที่ โอน ให้ แก่ ผู้คัดค้าน ที่ 1 จะ ต้อง ถูก เพิกถอน และ กลับ สู่ฐานะ เดิม ก็ ต้อง นำ เงิน จำนวน ที่ ผู้คัดค้าน ที่ 1 ชำระ เป็น ค่าไถ่ ถอนจำนอง แก่ ผู้คัดค้าน ที่ 5 หัก ออกจาก ราคา ที่ดิน พร้อม สิ่งปลูกสร้างพิพาท ที่ ซื้อ มา เสีย ก่อน ส่วน ของ จำเลย ที่ ชำระ ค่าที่ดิน พร้อมสิ่งปลูกสร้าง ไป มี เพียง 120,000 บาท ขอให้ ยกคำร้อง ของ ผู้ร้อง
ผู้คัดค้าน ที่ 2 ยื่น คำคัดค้าน และ แก้ไข คำคัดค้าน ว่า ผู้คัดค้านที่ 2 ได้รับ จำนอง ที่ดิน พร้อม สิ่งปลูกสร้าง พิพาท จาก ผู้คัดค้านที่ 1 โดยสุจริต และ มีค่า ตอบแทน ประกอบ กับ ผู้คัดค้าน ที่ 1ได้ ทำการไถ่ถอน จำนอง ที่ดิน พร้อม สิ่งปลูกสร้าง พิพาท แล้ว ขอให้ ยกคำร้อง
ผู้คัดค้าน ที่ 3 และ ที่ 4 ยื่น คำคัดค้าน ว่า ผู้คัดค้าน ที่ 3และ ที่ 4 เป็น สามี ภริยา กัน โดยชอบ ด้วย กฎหมาย ผู้คัดค้าน ที่ 3และ ที่ 4 ได้รับ โอน ที่ดิน พร้อม สิ่งปลูกสร้าง พิพาท โดย ซื้อ จากผู้คัดค้าน ที่ 1 ใน ราคา 900,000 บาท และ ได้ ชำระ เงิน ให้ แก่ผู้คัดค้าน ที่ 1 ไป แล้ว ผู้คัดค้าน ที่ 1 ไม่ใช่ เป็น บุคคล ล้มละลายได้รับ โอน ที่ดิน พร้อม สิ่งปลูกสร้าง พิพาท ก่อน ที่ จำเลย เป็น บุคคลล้มละลาย ผู้คัดค้าน ที่ 1 และ ผู้คัดค้าน ที่ 3 และ ที่ 4 ไม่ทราบมา ก่อน ว่า จำเลย เป็น บุคคล มี หนี้สินล้นพ้นตัว นอกจาก นี้ ที่ดิน พร้อมสิ่งปลูกสร้าง พิพาท เป็น สินสมรส ระหว่าง จำเลย กับ ผู้คัดค้าน ที่ 1ผู้คัดค้าน ที่ 1 จึง มี กรรมสิทธิ์ ด้วย ครึ่ง หนึ่ง หาก ที่ดิน พร้อมสิ่งปลูกสร้าง พิพาท ส่วน ที่ เป็น ของ จำเลย ที่ โอน ให้ แก่ ผู้คัดค้านที่ 1 ถูก เพิกถอน และ ไม่อาจ คืน สู่ ฐานะ เดิม ได้ ผู้คัดค้าน ที่ 3และ ที่ 4 ต้อง ชดใช้ เงิน ไม่เกิน ครึ่ง หนึ่ง ของ ราคา ที่ดิน พร้อมสิ่งปลูกสร้าง พิพาท เท่านั้น ขอให้ ยกคำร้อง
ผู้คัดค้าน ที่ 5 ยื่น คำคัดค้าน ว่า ผู้คัดค้าน ที่ 5 ได้รับ จำนองที่ดิน พร้อม สิ่งปลูกสร้าง พิพาท จาก ผู้คัดค้าน ที่ 3 และ ที่ 4 ไว้โดยสุจริต และ มีค่า ตอบแทน ผู้คัดค้าน ที่ 5 เป็น บุคคลภายนอก ได้รับความคุ้มครอง ตาม กฎหมาย ขอให้ ยกคำร้อง
ศาลชั้นต้น วินิจฉัย ว่า การ โอน ที่ดิน พร้อม สิ่งปลูกสร้างระหว่าง จำเลย กับ ผู้คัดค้าน ที่ 1 เป็น การ โอน ไม่มี ค่าตอบแทน โดยผู้คัดค้าน ที่ 1 รู้ อยู่ แล้ว ว่า จำเลย มี หนี้สินล้นพ้นตัว และ เป็นการกระทำ ใน ระหว่าง ระยะเวลา 3 ปี ก่อน มี การ ขอให้ จำเลย ล้มละลายผู้ร้อง ขอให้ เพิกถอน การ โอน ได้ สำหรับ การ จดทะเบียน รับ จำนอง ของผู้คัดค้าน ที่ 2 เมื่อ ผู้คัดค้าน ที่ 1 ได้ ชำระหนี้ และ ไถ่ถอน จำนองไป แล้ว จึง ไม่ต้อง วินิจฉัย การ ขอให้ เพิกถอน การ จำนอง ราย นี้ ส่วนการ จดทะเบียน ซื้อ ขาย ที่ดิน พร้อม สิ่งปลูกสร้าง ระหว่าง ผู้คัดค้านที่ 1 กับ ผู้คัดค้าน ที่ 3 และ ที่ 4 ตลอดจน การ จดทะเบียน จำนอง ที่ดินพร้อม สิ่งปลูกสร้าง ระหว่าง ผู้คัดค้าน ที่ 3 และ ที่ 4 กับ ผู้คัดค้านที่ 5 เป็น การกระทำ ภายหลัง ที่ มี การ ขอให้ ล้มละลาย แม้ ผู้คัดค้านที่ 3 และ ที่ 4 ซึ่ง เป็น ผู้รับโอน และ ผู้คัดค้าน ที่ 5 ซึ่ง เป็นผู้รับจำนอง กระทำ โดยสุจริต และ มีค่า ตอบแทน ก็ ไม่ได้ รับ ความคุ้มครอง ตาม กฎหมาย มี คำสั่ง ให้ เพิกถอน การ จดทะเบียน โอน ที่ดินโฉนด เลขที่ 98891 แขวง หัวหมาก เขตบางกะปิ กรุงเทพมหานคร พร้อม สิ่งปลูกสร้าง บ้าน เลขที่ 58 ระหว่าง จำเลย กับ ผู้คัดค้าน ที่ 1และ ให้ เพิกถอน การ จดทะเบียน ซื้อ ขาย ที่ดิน พร้อม สิ่งปลูกสร้างดังกล่าว ระหว่าง ผู้คัดค้าน ที่ 1 กับ ผู้คัดค้าน ที่ 3 และ ที่ 4 กับ ให้เพิกถอน การ จดทะเบียน จำนอง ที่ดิน พร้อม สิ่งปลูกสร้าง ระหว่างผู้คัดค้าน ที่ 3 และ ที่ 4 กับ ผู้คัดค้าน ที่ 5 โดย ให้ ทุกคน กลับคืนสู่ ฐานะ เดิม หาก ไม่สามารถ กลับคืน สู่ ฐานะ เดิม ได้ ให้ผู้คัดค้าน ที่ 1 ที่ 3 และ ที่ 4 ร่วมกัน ใช้ ราคา ที่ดิน พร้อม สิ่งปลูกสร้าง เป็น เงิน 918,227 บาท พร้อม ดอกเบี้ย อัตราร้อยละ เจ็ด ครึ่ง ต่อ ปี นับแต่ วัน ยื่น คำร้อง (วันที่ 22 มีนาคม 2532)เป็นต้น ไป จนกว่า จะ ชำระ เสร็จ แก่ ผู้ร้อง คำขอ อื่น นอกจาก นี้ ให้ยก
ผู้คัดค้าน ที่ 1 ที่ 3 ที่ 4 และ ที่ 5 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ วินิจฉัย ว่า ผู้คัดค้าน ที่ 1 รับโอน ที่ดิน พร้อมสิ่งปลูกสร้าง โดย ไม่สุจริต และ ไม่มี ค่าตอบแทน แต่ ที่ดิน พร้อมสิ่งปลูกสร้าง เป็น สินสมรส ผู้คัดค้าน ที่ 1 มี ส่วน เป็น เจ้าของครึ่ง หนึ่ง ผู้ร้อง ไม่มี สิทธิเรียกร้อง ดอกเบี้ย ตาม ที่ ขอ มา และสิทธิ ของ ผู้คัดค้าน ที่ 3 และ ที่ 4 ที่ 5 ไม่ได้ รับ ความคุ้มครองตาม พระราชบัญญัติ ล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 116 พิพากษาแก้ เป็น ว่าให้ เพิกถอน การ โอน ที่ดิน โฉนด เลขที่ 98891 แขวง หัวหมาก เขตบางกะปิ กรุงเทพมหานคร พร้อม สิ่งปลูกสร้าง บ้าน เลขที่ 58 เฉพาะ ส่วน ของจำเลย ระหว่าง จำเลย กับ ผู้คัดค้าน ที่ 1 หาก ไม่สามารถ กลับคืน สู่ฐานะ เดิม ได้ ให้ ผู้คัดค้าน ที่ 1 ที่ 3 และ ที่ 4 ร่วมกัน ใช้ ราคาเป็น เงิน 459,113.50 บาท แก่ ผู้ร้อง นอกจาก ที่ แก้ คง ให้ เป็น ไปตาม คำสั่งศาล ชั้นต้น
ผู้ร้อง ผู้คัดค้าน ที่ 3 และ ที่ 4 ฎีกา
ศาลฎีกา วินิจฉัย ว่า “เห็นสมควร วินิจฉัย ฎีกา ของ ผู้คัดค้านที่ 3 และ ที่ 4 ก่อน ผู้คัดค้าน ที่ 3 และ ที่ 4 ฎีกา ว่า การ ที่ผู้คัดค้าน ที่ 1 กู้เงิน จาก สหกรณ์ออมทรัพย์ มหาวิทยาลัย เกษตรศาสตร์ จำกัด แล้ว นำ เงิน มา ไถ่ถอน จำนอง ที่ดิน พร้อม สิ่งปลูกสร้าง พิพาทจาก ผู้คัดค้าน ที่ 5 นั้น ถือว่า มีค่า ตอบแทน แล้ว เห็นว่า ตามพระราชบัญญัติ ล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 114 ได้ บัญญัติ คุ้มครองผู้รับโอน ที่ ได้รับ โอน ทรัพย์สิน จาก ลูกหนี้ โดยสุจริต และ เสีย ค่าตอบแทนที่ ผู้คัดค้าน ที่ 3 และ ที่ 4 ฎีกา แต่เพียง ว่า ผู้คัดค้าน ที่ 1ได้รับ โอน ที่ดิน พร้อม สิ่งปลูกสร้าง พิพาท โดย เสีย ค่าตอบแทน เพียงประการ เดียว ดังนี้ แม้ หาก ฟังได้ ผู้คัดค้าน ที่ 1 ก็ ไม่ได้ รับความคุ้มครอง ตาม บทบัญญัติ ดังกล่าว ที่ ผู้คัดค้าน ที่ 3 และ ที่ 4ฎีกา ต่อไป ว่า ผู้คัดค้าน ที่ 3 และ ที่ 4 รับโอน ที่ดิน พร้อม สิ่งปลูกสร้าง พิพาท มาจาก ผู้คัดค้าน ที่ 1 โดยสุจริต และ มีค่า ตอบแทนที่ ศาลอุทธรณ์ พิพากษา ให้ เพิกถอน การ โอน ที่ดิน พร้อม สิ่งปลูกสร้างพิพาท เฉพาะ ส่วน ของ จำเลย จึง ไม่ชอบ เห็นว่า ผู้คัดค้าน ที่ 3 และที่ 4 จะ ยก เหตุ ดังกล่าว ขึ้น มา อ้างว่า ได้รับ โอน ที่ดิน พร้อม สิ่งปลูกสร้าง พิพาท โดยสุจริต และ มีค่า ตอบแทน ได้ นั้น ก็ แต่ เฉพาะ กรณีมี ได้รับ โอน มา ก่อน มี การ ขอให้ จำเลย ล้มละลาย คือ วันที่ 17 กันยายน2528 เท่านั้น ตาม มาตรา 116 แห่ง พระราชบัญญัติ ล้มละลาย พ.ศ. 2483เมื่อ ผู้คัดค้าน ที่ 3 และ ที่ 4 รับโอน มา เมื่อ วันที่ 11 มกราคม2532 ภายหลัง มี การ ขอให้ จำเลย ล้มละลาย แล้ว ไม่ว่า ผู้คัดค้าน ที่ 3และ ที่ 4 จะ ได้รับ โอน ที่ดิน พร้อม สิ่งปลูกสร้าง พิพาท โดยสุจริตและ มีค่า ตอบแทน หรือไม่ ก็ ตาม ย่อม ไม่ได้ รับ ความคุ้มครอง ตาม บทบัญญัติดังกล่าว ฎีกา ของ ผู้คัดค้าน ที่ 3 และ ที่ 4 ฟังไม่ขึ้น
ปัญหา ตาม ฎีกา ของ ผู้ร้อง ที่ ว่า ผู้ร้อง มีสิทธิ ที่ จะ ได้รับดอกเบี้ย ใน ราคา ที่ ผู้คัดค้าน ที่ 1 และ ผู้คัดค้าน ที่ 3 และ ที่ 4ต้อง ใช้ แทน นับแต่ วันที่ ศาลชั้นต้น มี คำสั่ง ให้ เพิกถอน การ โอน หรือไม่เห็นว่า ศาลชั้นต้น มี คำสั่ง ให้ เพิกถอน การ โอน ที่ดิน ทั้ง แปลง พร้อมสิ่งปลูกสร้าง พิพาท โดย ให้ กลับคืน สู่ ฐานะ เดิม หาก ไม่สามารถกลับคืน สู่ ฐานะ เดิม ได้ ให้ ร่วมกัน ใช้ ราคา แทน แม้ ศาลอุทธรณ์ จะพิพากษา ให้ เพิกถอน การ โอน ที่ดิน พร้อม สิ่งปลูกสร้าง พิพาท เพียงครึ่ง หนึ่ง เฉพาะ ส่วน ของ จำเลย ย่อม เป็น ผล ทำให้ ที่ดิน พร้อม สิ่งปลูกสร้าง พิพาท เฉพาะ ส่วน ของ จำเลย กลับคืน เป็น ทรัพย์สิน ของ จำเลยทันที นับแต่ วันที่ ศาลชั้นต้น มี คำสั่ง ให้ เพิกถอน โดย ผล ของ คำสั่งของ ศาล ดังนั้น หาก ทรัพย์สิน นั้น ไม่สามารถ โอน กลับคืน มา ได้ผู้คัดค้าน ที่ 1 และ ผู้คัดค้าน ที่ 3 และ ที่ 4 ก็ ต้อง ชดใช้ ราคาแทน ใน วันที่ ศาลชั้นต้น มี คำสั่ง ให้ เพิกถอน เช่นนี้ หาก ผู้คัดค้านที่ 1 และ ผู้คัดค้าน ที่ 3 และ ที่ 4 ไม่ชำระ ราคา ต้อง ถือว่า มี การผิดนัด นับแต่ วันที่ ศาลชั้นต้น มี คำสั่ง ให้ เพิกถอน ผู้ร้อง จึง มีสิทธิ เรียก ดอกเบี้ย ใน ราคา ที่ ต้อง ใช้ แทน นับแต่ วันที่ ศาลชั้นต้นมี คำสั่ง ให้ เพิกถอน นั้น ที่ ศาลอุทธรณ์ วินิจฉัย ว่า ผู้ร้อง ไม่มีสิทธิ เรียก ดอกเบี้ย ไม่ต้อง ด้วย ความเห็น ของ ศาลฎีกา ฎีกา ผู้ร้องฟังขึ้น
อนึ่ง ที่ ศาลอุทธรณ์ วินิจฉัย ไว้ แล้ว ว่า ผู้คัดค้าน ที่ 3 ที่ 4และ ที่ 5 ไม่ได้ รับ ความคุ้มครอง ตาม พระราชบัญญัติ ล้มละลาย พ.ศ. 2483มาตรา 116 แต่ มิได้ พิพากษาแก้ ให้ ชัดเจน ว่า ให้ เพิกถอน การ โอน ที่ดินพร้อม สิ่งปลูกสร้าง พิพาท เฉพาะ ส่วน ของ จำเลย ระหว่าง ผู้คัดค้าน ที่ 1กับ ผู้คัดค้าน ที่ 3 และ ที่ 4 และ การ จดทะเบียน จำนอง ที่ดิน พร้อมสิ่งปลูกสร้าง พิพาท เฉพาะ ส่วน ของ จำเลย ระหว่าง ผู้คัดค้าน ที่ 3และ ที่ 4 กับ ผู้คัดค้าน ที่ 5 ด้วย นั้น ศาลฎีกา เห็นสมควร แก้ไขให้ ชัดเจน ”
พิพากษาแก้ เป็น ว่า ให้ เพิกถอน การ โอน ที่ดิน โฉนด เลขที่ 98891แขวง หัวหมาก เขตบางกะปิ กรุงเทพมหานคร พร้อม สิ่งปลูกสร้าง บ้าน เลขที่ 58 เฉพาะ ส่วน ของ จำเลย ระหว่าง ผู้คัดค้าน ที่ 1 กับผู้คัดค้าน ที่ 3 และ ที่ 4 และ การ จดทะเบียน จำนอง เฉพาะ ส่วน ของ จำเลยระหว่าง ผู้คัดค้าน ที่ 3 และ ที่ 4 กับ ผู้คัดค้าน ที่ 5 และ ใน ส่วนดอกเบี้ย ให้ ผู้คัดค้าน ที่ 1 กับ ผู้คัดค้าน ที่ 3 และ ที่ 4 ชำระนับแต่ วันที่ ศาลชั้นต้น มี คำสั่ง ให้ เพิกถอน เป็นต้น ไป จนกว่า จะ ชำระเสร็จ นอกจาก ที่ แก้ คง ให้ เป็น ไป ตาม คำพิพากษา ศาลอุทธรณ์

Share