กรณีการนำสืบแตกต่างจากคำให้การ การแสดงออกของผู้แทนนิติบุคคล อายุความ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5033/2562
ใช้เวลาอ่านประมาณ 1 นาที
จำเลยและจำเลยร่วมให้การว่าฟ้องโจทก์ขาดอายุความเพราะโจทก์ไม่ได้ฟ้องจำเลยร่วมซึ่งเป็นทายาทผู้กู้ภายใน 1 ปี นับแต่วันที่ 22 ธันวาคม 2547 ซึ่งเป็นวันที่ผู้กู้ถึงแก่ความตาย ประเด็นข้อพิพาทจึงมีว่าฟ้องโจทก์ขาดอายุความ 1 ปี นับแต่ลูกหนี้ถึงแก่ความตายหรือไม่ เมื่อโจทก์นำสืบว่าโจทก์เพิ่งทราบว่าลูกหนี้ถึงแก่ความตายเมื่อวันที่ 27 ตุลาคม 2556 ซึ่งเป็นวันที่ทนายความของโจทก์มีหนังสือรายงานความเห็นทางกฎหมายแก่โจทก์ตามหนังสือ เอกสารหมาย จ.8 การที่จำเลยและจำเลยร่วมนำสืบว่าความจริงจำเลยแจ้งให้โจทก์ทราบว่าผู้กู้ถึงแก่ความตายตั้งแต่ปี 2549 และปี 2553 แล้ว
แม้จะแตกต่างกับคำให้การที่อ้างว่าโจทก์ทราบว่าผู้กู้ถึงแก่ความตายตั้งแต่วันที่ 22 ธันวาคม 2547 ซึ่งเป็นวันที่ผู้กู้ถึงแก่ความตายแล้ว แต่ก็เกี่ยวพันกับประเด็นข้อพิพาทดังกล่าวจึงไม่เป็นการนอกเหนือจากคำให้การ จึงไม่ต้องห้ามไม่ให้นำพยานเข้าสืบเปลี่ยนแปลงไปจากคำให้การ และการที่จำเลยและจำเลยร่วมอุทธรณ์ว่า การที่ศาลชั้นต้นไม่รับฟังพยานหลักฐานที่จำเลยและจำเลยร่วมนำสืบดังกล่าวเป็นการฝ่าฝืนกฎหมายว่าด้วยการรับฟังพยานหลักฐาน เป็นการไม่ชอบ นั้น เป็นอุทธรณ์ที่โต้แย้งคำพิพากษาศาลชั้นต้นว่าศาลชั้นต้นรับฟังพยานหลักฐานโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย อันเป็นอุทธรณ์ที่ชัดแจ้งแล้ว ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 3 แผนกคดีผู้บริโภคไม่รับอุทธรณ์ของจำเลยและจำเลยร่วมดังกล่าวไว้พิจารณา จึงไม่ชอบ
โจทก์เป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทมหาชนจำกัด ความประสงค์ของโจทก์ย่อมต้องแสดงออกโดยผู้แทนของโจทก์ คือ กรรมการผู้มีอำนาจลงลายมือชื่อแทนโจทก์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 70 วรรคสอง เมื่อนายวรภัค ธันยาวงษ์ กรรมการผู้มีอำนาจลงนามแทนโจทก์ตามสำเนาหนังสือรับรองเอกสารหมาย จ.1 มอบอำนาจให้นายวิทยา น้ำเงิน ผู้จัดการสำนักงานเขตอุบลราชธานี 2 เป็นผู้มีอำนาจกระทำการแทนโจทก์ในกิจการสาขาที่อยู่ในความรับผิดชอบ โดยให้มีอำนาจเรียกร้อง ทวงถาม ให้ชำระหนี้ ฟ้องร้องคดีแพ่ง รวมถึงให้มีอำนาจแต่งตั้งทนายความและหรือผู้รับมอบอำนาจช่วงเพื่อดำเนินการแทนได้ปรากฏตามหนังสือมอบอำนาจ เอกสารหมาย จ.2 นายวิทยาจึงถือได้ว่าเป็นผู้แทนของโจทก์ในการรับรู้เรื่องอายุความในการฟ้องร้องคดีนี้ด้วย แม้จะได้ความตามทางนำสืบโจทก์ว่า นายวิทยาได้รับหนังสือเรื่องความเห็นทางกฎหมาย เอกสารหมาย จ.8 ที่ห้างหุ้นส่วนจำกัด สำนักกฎหมายสิทธิภิญโญแจ้งว่านายวินัย ศรีธัญรัตน์ ผู้กู้ เสียชีวิตแล้วในวันที่ 27 ตุลาคม 2556
อันเป็นระยะเวลาก่อนฟ้องคดีนี้ไม่ถึง 1 ปี ก็ตาม แต่เมื่อแบบรับรองรายการทะเบียนราษฎรแนบท้ายเอกสารหมาย จ.8 ดังกล่าวปรากฏว่าเป็นรายการจากฐานข้อมูลการทะเบียนราษฎรที่ขอคัดมา ณ วันที่ 6 ธันวาคม 2555 กรณีย่อมเท่ากับว่าห้างหุ้นส่วนจำกัด สำนักกฎหมายสิทธิภิญโญรู้ถึงความตายของนายวินัยตั้งแต่วันดังกล่าวแล้ว เมื่อห้างหุ้นส่วนจำกัดสำนักกฎหมายสิทธิภิญโญเป็นผู้ได้รับมอบหมายให้ดำเนินคดีแก่นายวินัยแทนโจทก์ในกรณีนายวินัยกู้ยืมเงินจากโจทก์แล้วไม่ชำระ ห้างหุ้นส่วนจำกัด สำนักกฎหมายสิทธิภิญโญจึงถือได้ว่าเป็นผู้แทนของโจทก์ในการรับรู้เรื่องอายุความในการฟ้องร้องคดีนี้อีกคนหนึ่ง ดังนี้ จึงต้องถือว่าโจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้รู้ถึงความตายของนายวินัยตั้งแต่วันดังกล่าวแล้วด้วย เมื่อนับถึงวันฟ้องวันที่ 18 ธันวาคม 2556 เกินกำหนด 1 ปี ฟ้องโจทก์จึงขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1754 วรรคสาม และเป็นเหตุให้หนี้อุปกรณ์คือผู้ค้ำประกันที่จำเลยทำไว้ต่อโจทก์หลุดพ้นไปด้วย