คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9240/2539

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คดีนี้โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยทั้งสองเป็นเจ้าพนักงานประเมินและเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจพิจารณาและวินิจฉัยชี้ขาดอุทธรณ์คำร้องภาษีโรงเรือนและที่ดินจำเลยทั้งสองประเมินให้โจทก์เสียภาษีโรงเรือนและที่ดินเกินความเป็นจริงโดยโจทก์ไม่มีหน้าที่ต้องเสียขอให้เพิกถอนคำสั่งของจำเลยทั้งสองที่สั่งให้โจทก์ชำระภาษีอากรและเงินเพิ่มกับให้จำเลยทั้งสองคืนเงินภาษีอากรพร้อมดอกเบี้ยแต่ศาลชั้นต้นตรวจคำฟ้องแล้วให้ยกฟ้องเสียตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งจึงเป็นกรณีที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยในปัญหาว่าคดีนี้อยู่ในอำนาจศาลภาษีอากรหรือศาลยุติธรรมอื่นแต่ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลภาษีอากรและวิธีพิจารณาคดีภาษีอากรพ.ศ.2528มาตรา10บัญญัติให้ประธานศาลฎีกาแต่เพียงผู้เดียวเท่านั้นเป็นผู้ชี้ขาดศาลชั้นต้นและศาลฎีกาหามีอำนาจวินิจฉัยในปัญหาดังกล่าวไม่คำสั่งศาลชั้นต้นจึงไม่ชอบด้วยบทกฎหมายข้างต้นและเมื่อปัญหาว่าคดีนี้อยู่ในอำนาจของศาลภาษีอากรหรือศาลชั้นต้นขึ้นมาสู่การพิจารณาของศาลฎีกาศาลฎีกาจึงเห็นสมควรส่งสำนวนคดีนี้ไปให้ประธานศาลฎีกาวินิจฉัยชี้ขาดตามบทกฎหมายดังกล่าวต่อไป

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนคำสั่งของจำเลยทั้งสองที่ให้โจทก์เสียภาษีจำนวน 51,000 บาท รวมทั้งเงินเพิ่ม 2,550 บาท ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันคืนเงินให้โจทก์จำนวน 49,470 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี จากต้นเงิน 49,470 บาท นับแต่วันที่ 11 สิงหาคม 2537 จนกว่าจำเลยทั้งสองจะชำระเสร็จ ชั้นตรวจคำฟ้อง ศาลชั้นต้นมีคำสั่งในคำฟ้องว่า โจทก์ฟ้องจำเลยทั้งสองเป็นการส่วนตัว เพียงแต่บรรยายว่าจำเลยทั้งสองมีตำแหน่งหน้าที่การงานอย่างไร ไม่ได้ระบุแจ้งชัดว่าฟ้องในฐานะเจ้าพนักงานตามกฎหมายจึงไม่อาจฟ้องจำเลยทั้งสองตามพระราชบัญญัติ ภาษีโรงเรือนและที่ดิน พ.ศ.2475 ได้ ให้ยกฟ้อง โจทก์อุทธรณ์ ศาลชั้นต้นสั่งรับอุทธรณ์และส่งสำนวนไปยังศาลอุทธรณ์ภาค 2เพื่อพิจารณา ศาลอุทธรณ์ภาค 2 วินิจฉัยว่า คดีนี้โจทก์อุทธรณ์ปัญหาข้อกฎหมายขอให้ศาลฎีกาพิพากษากลับคำพิพากษาศาลชั้นต้นแล้วให้ศาลชั้นต้นส่งสำนวนไปให้ศาลฎีกาพิจารณาพิพากษาคดี ศาลชั้นต้นจะต้องส่งสำนวนไปให้ศาลฎีกาพิจารณาพิพากษาคดีตามที่โจทก์อุทธรณ์ และศาลชั้นต้นสั่งรับอุทธรณ์ของโจทก์แล้ว การที่ศาลชั้นต้นสั่งในรายงานเจ้าหน้าที่ฉบับลงวันที่ 10 มกราคม 2538ว่า ส่งสำนวนไปยังศาลอุทธรณ์ภาค 2 จึงไม่ถูกต้อง พิพากษายกคำสั่งของศาลชั้นต้นตามรายงานเจ้าหน้าที่ฉบับลงวันที่ 10มกราคม 2538 แล้วดำเนินการส่งสำนวนไปให้ศาลฎีกาเพื่อพิพากษาต่อไป ศาลฎีกาแผนกคดีภาษีอากรวินิจฉัยว่า คดีนี้โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยทั้งสองเป็นเจ้าพนักงานประเมินและเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจพิจารณาและวินิจฉัยชี้ขาดอุทธรณ์คำร้องภาษีโรงเรือนและที่ดิน จำเลยทั้งสองประเมินให้โจทก์เสียภาษีโรงเรือนและที่ดินเกินความเป็นจริง โดยโจทก์ไม่มีหน้าที่ต้องเสีย ขอให้เพิกถอนคำสั่งของจำเลยทั้งสองที่สั่งให้โจทก์ชำระภาษีอากรและเงินเพิ่ม กับให้จำเลยทั้งสองคืนภาษีอากรพร้อมดอกเบี้ย แต่ศาลชั้นต้นตรวจคำฟ้องแล้วให้ยกฟ้องเสียตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง จึงเป็นกรณีที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยในปัญหาว่าคดีนี้อยู่ในอำนาจศาลภาษีอากรหรือศาลยุติธรรมอื่น ซึ่งตามพระราชบัญญัติ จัดตั้งศาลภาษีอากรและวิธีพิจารณาคดีภาษีอากรพ.ศ. 2528 มาตรา 10 กำหนดให้ประธานศาลฎีกาแต่เพียงผู้เดียวเท่านั้นเป็นผู้ชี้ขาดศาลชั้นต้นและศาลฎีกาหามีอำนาจวินิจฉัยในปัญหาดังกล่าวไม่ คำสั่งศาลชั้นต้นจึงไม่ชอบด้วยบทกฎหมายข้างต้น และเมื่อปัญหาว่าคดีนี้อยู่ในอำนาจของศาลภาษีอากรหรือศาลชั้นต้นขึ้นมาสู่การพิจารณาของศาลฎีกา ศาลฎีกาจึงเห็นสมควรส่งสำนวนคดีนี้ไปให้ประธานศาลฎีกาวินิจฉัยชี้ขาดตามบทกฎหมายดังกล่าวต่อไป พิพากษายกคำสั่งศาลชั้นต้น ให้ส่งสำนวนคดีนี้ไปให้ประธานศาลฎีกาวินิจฉัยชี้ขาดในปัญหาว่าคดีนี้อยู่ในอำนาจศาลภาษีอากรหรือไม่ เมื่ออ่านคำวินิจฉัยของประธานศาลฎีกาดังกล่าวแล้ว ให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไป

Share