แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ
ย่อสั้น
นอกจากจำเลยมีหน้าที่รังวัดที่ดินแล้ว ผู้บังคับบัญชายังได้มอบหมายหน้าที่ให้จำเลยมีหน้าที่รับคำขอ ลงบัญชี รับทำการ เรียกเก็บเงินค่าธรรมเนียม และออกใบเสร็จรับเงินด้วย การที่จำเลยรับเงินค่าธรรมเนียมรังวัดที่ดินจากผู้เสียหายทั้งสิบสองแม้ศาลชั้นต้นจะฟังข้อเท็จจริงที่ได้ตามทางพิจารณาว่า การกระทำของจำเลยเป็นความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่หรือแสดงตนว่ามีหน้าที่เรียกเก็บหรือตรวจสอบภาษีอากร ค่าธรรมเนียม หรือเงินนั้นโดยทุจริตตาม ป.อ. มาตรา 154 แต่ก็ไม่สามารถลงโทษจำเลยได้ เนื่องจากโจทก์ไม่ได้ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตาม ป.อ. มาตรา 154 อันเป็นบทเฉพาะมาด้วย นอกจากนี้ความผิดฐานเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตตาม ป.อ. มาตรา 157 ซึ่งเป็นบททั่วไป โจทก์ก็มิได้อ้างมาในฟ้องทั้งมิได้ยกขึ้นฎีกา จึงต้องถือว่าโจทก์ไม่ประสงค์ให้ลงโทษจำเลยตาม ป.วิ.อ. มาตรา 192 วรรคหนึ่งและวรรคสี่
ย่อยาว
คดีทั้งสิบสองสำนวนนี้ ศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษารวมกัน
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 148 และนับโทษจำเลยทั้งสิบสองสำนวนติดต่อกัน
จำเลยให้การปฏิเสธทั้งสิบสองสำนวน
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 154 ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 จำคุกกระทงละ 5 ปี รวม 12 กระทง ทางนำสืบของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณามีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 กระทงละหนึ่งในห้า คงจำคุกกระทงละ 4 ปี รวมจำคุก 48 ปี
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 6 พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “…ในระหว่างเกิดเหตุจำเลยดำรงตำแหน่งช่างรังวัด ระดับ 2 ประจำสำนักงานที่ดินอำเภอวังโป่ง จังหวัดเพชรบูรณ์ ผู้บังคับบัญชาได้มอบหมายหน้าที่ให้จำเลยมีหน้าที่รับคำขอลงบัญชีรับทำการดำเนินการรังวัดที่ดิน เรียกเก็บเงินค่าธรรมเนียมและออกใบเสร็จรับเงิน นางปรางทอง นายแต้ม นางอารีย์ นางนิล นางละมาย นายอำนวย นายสมศักดิ์ นางตา นายบุศทา นางติ๋ม นายบรรจง และนายทิม ผู้เสียหายทั้งสิบสองติดต่อให้จำเลยไปรังวัดที่ดินของผู้เสียหายแต่ละรายเพื่อออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ ผู้เสียหายทั้งสิบสองต่างชำระเงินค่าธรรมเนียมรังวัดที่ดินของตนให้แก่จำเลย หลังจากนั้นจำเลยออกไปรังวัดที่ดินให้แก่ผู้เสียหายจำนวน 11 คน แต่ไม่มีผู้เสียหายคนใดได้รับหนังสือรับรองการทำประโยชน์ ต่อมาทางราชการตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยแก่จำเลยแล้วมีคำสั่งไล่จำเลยออกจากราชการ คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า จำเลยกระทำความผิดประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 154 ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นหรือไม่ เห็นว่า นอกจากจำเลยมีหน้าที่รังวัดที่ดินแล้ว ผู้บังคับบัญชายังได้มอบหมายหน้าที่ให้จำเลยมีหน้าที่รับคำขอ ลงบัญชีรับทำการ เรียกเก็บเงินค่าธรรมเนียม และออกใบเสร็จรับเงินด้วย การที่จำเลยรับเงินค่าธรรมเนียมรังวัดที่ดินจากผู้เสียหายทั้งสิบสอง แม้ศาลชั้นต้นจะฟังข้อเท็จจริงที่ได้ตามทางพิจารณาว่า การกระทำของจำเลยเป็นความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่หรือแสดงตนว่ามีหน้าที่เรียกเก็บหรือตรวจสอบภาษีอากรค่าธรรมเนียมหรือเงินนั้นโดยทุจริตตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 154 แต่ก็ไม่สามารถลงโทษจำเลยได้เนื่องจากโจทก์ไม่ได้ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 154 อันเป็นบทเฉพาะมาด้วย นอกจากนี้ความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ซึ่งเป็นบททั่วไปโจทก์ก็มิได้อ้างมาในฟ้องทั้งมิได้ยกขึ้นฎีกา จึงต้องถือว่าโจทก์ไม่ประสงค์ให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรคหนึ่งและวรรคสี่ ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 6 พิพากษามานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยในผล ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน